นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกกองทุนใหม่ 3 กองทุน มูลค่ากองทุนละ 5,000 ล้านบาท ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์สมาร์ทแพลน 2 (SCB Smart Plan 2 Open End Fund) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์สมาร์ทแพลน 3 (SCB Smart Plan 3 Open End Fund) และ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์สมาร์ทแพลน 4 (SCB Smart Plan 4 Open End Fund) แต่ละกองทุนจะมีลักษณะการจัดพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆที่ชัดเจน และแตกต่างกันไปตามความเสี่ยงที่ลูกค้ารับได้ โดยจะเปิดจองในวันที่ 18-25 กันยายนศกนี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท
การออกกองทุน SCB Smart Plan ทั้ง 3 กองทุนนี้จึงมีนโยบายที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้อย่างง่ายดายตั้งแต่ความสี่ยงน้อย ปานกลาง และความเสี่ยงมาก เพียงแต่ลูกค้าต้องรับทราบความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ และเลือกกองทุนที่เหมาะกับตนเองแล้วปล่อยหน้าที่ให้ผู้จัดการกองทุนเป็นผู้ดูแลในการจัดสัดส่วนการลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนดีที่สุด และคอยบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบที่กำหนด
กองทุน SCB Smart Plan จะเป็นการจัดพอร์ตการลงทุนในรูปแบบ Risk Target Fund ซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศ และโดยปกติการจัดพอร์ตรูปแบบดังกล่าว บริษัทจะให้คำแนะนำสำหรับนักลงทุนสถาบัน ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่จะนำมาใช้กับนักลงทุนรายย่อย โดยจะอิงกับแบบประเมินความเสี่ยงที่จัดทำโดย กลต. ที่แบ่งความเสี่ยงออกเป็น 5 ระดับ จากความเสี่ยงต่ำสุดคือระดับ 1 ไปจนถึงความเสี่ยงสูงสุดที่ระดับ 5 โดยกองทุน SCB Smart Plan 2,3 และ 4 จะออกมาเพื่อรองรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงในระดับ 2 ,3 และ 4 ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะปรับน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบที่กำหนด (VAR) ประมาณ -5%, -10% และ -15% ต่อปีตามลำดับ
นายศรชัย สุเนต์ตา รองกรรมการผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า กองทุน SCB Smart Plan 2 มีนโยบายลงทุนในตราสารที่หลากหลาย อาทิ ตราสารหนี้ หุ้น เงินฝาก อสังหาริมทรัพย์ฯลฯ โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นไม่เกินร้อยละ 25 และไม่มีการลงทุนในต่างประเทศ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะพยายามควบคุมระดับความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบประมาณไม่เกิน -5% ต่อปี
สำหรับกองทุน SCB Smart Plan 3 มีนโยบายลงทุนที่หลากหลายเช่นเดียวกับ Smart Plan 2 แต่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกินร้อยละ 34 รวมทั้งยังมีการลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 35 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง โดยผู้จัดการกองทุนจะพยายามควบคุมระดับความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบประมาณไม่เกิน -10% ต่อปี ส่วนกองทุน SCB Smart Plan 4 จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกินร้อยละ 43 รวมทั้งลงทุนในต่างประเทศไม่เกินร้อยละ 36 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูง โดยผู้จัดการกองทุนจะพยายามควบคุมระดับความเสี่ยงให้อยู่ในกรอบประมาณไม่เกิน -15%
นอกจากนี้ กองทุนทั้ง Smart Plan 3 และ 4 ยังมีนโยบายการลงทุนในต่างประเทศ ได้แก่ ตราสารหนี้โลก ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ ตราสารทุนโลก ตราสารทุนตลาดเกิดใหม่ เป็นต้น ซึ่งบริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิเช่น Wellington, Investec, Veritas และ Robeco และ ยังเพิ่มการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ และสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ เช่น ทองคำ เป็นต้น
ทั้งนี้ ในส่วนที่มีการลงทุนในต่างประเทศ กองทุนจะใช้เกณฑ์มาตรฐานหรือตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของกองทุนตามที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินตราต่างประเทศปรับด้วยต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ในช่วงระยะเวลาที่คำนวณผลตอบแทนของตัวชี้วัดตามสัดส่วนการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงเฉพาะดอลล่าร์/บาท เพื่อคำนวณผลตอบแทนเป็นสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน โดยทั้ง 3 กองทุนจะมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง