บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS)เนื่องจากขายหุ้นในบ.ย่อยที่ถือครองที่ดินหาดกมลาจ.ภูเก็ต มูลค่า 1.64 พันล้านบาท คาดมีกำไร 250 ล้านบาท บันทึกใน 2Q13 (ก.ค.-ก.ย. 2012) ทำให้กำไรสุทธิปี 2013 (เม.ย.2012-มี.ค.2013) สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 1,585 ล้านบาท
ซึ่งยังไม่รวมกำไรจากการนำบ.ย่อย VGI เข้าซื้อขายในตลาดฯ ที่คาดว่าจะมีกำไรเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท
ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"เห็นว่าราคาหุ้นปัจจุบันไม่ไปไหน เพราะได้รับผลกระทบจากแรงขายทำกำไรจากหุ้นกู้แปลงสภาพ (CD) ที่แปลงเป็นหุ้นสามัญในราคาต้นทุนเพียง 5.12 บาทมาอย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่าเมื่อ VGI เข้ามาซื้อขายในตลาดฯ (ประมาณต้น ต.ค.55) จะเป็นแรงกระตุ้นราคาหุ้น BTS ได้อีกครั้ง เพราะเป็นการสะท้อนเงินลงทุนที่มีคุณค่าของ BTS อย่างชัดเจน กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 6.24 บาท ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 55-56 อยู่ในเกณฑ์ดีเป็น 5.6%
บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย BTS ถือหุ้นโดยตรงในสัดส่วนร้อยละ 96.44 ได้จำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท กมลา บีช รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล แมนเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บีทีเอสซีถือหุ้นโดยตรงในสัดส่วนร้อยละ 100 เป็นผลให้ บจ. กมลาฯ สิ้นสภาพในการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ
ผลกระทบเป็นบวก คาดว่า BTS จะได้รับกำไรหลังหักภาษีเป็นจำนวนเงิน 298 ล้านบาทในงบรวม จากการที่ BTS ถือหุ้นใน BTSC ในสัดส่วน 96.44% หรือคิดเป็น 0.03 บาทต่อหุ้น BTS แต่หากเทียบกับกำไรสุทธิต่อไตรมาสที่ประมาณ 300 ล้านบาท ก็คาดว่าจะทำให้กำไรสุทธิ 2Q55-56 (สิ้นสุด ก.ย.55) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และคิดเป็นสัดส่วน 18% หากเปรียบเทียบกับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55-56 ก่อนเกิดเหตุการณ์ข้างต้น ส่วนการประเมินมูลค่าหุ้นพบว่าราคาพื้นฐานจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.35 บาท จากปัจจุบันที่ 6.24 บาทหรือเพิ่มขึ้น 2%
วานนี้(12 ก.ย.)หุ้น BTS ปิดที่ 5.35 บรท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง