บมจ.ช.การช่าง(CK)คาดจากนี้ไปธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสดใส สัปดาห์นี้เตรียมเซ็นสัญญารับงานก่อสร้างโครงการทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก มูลค่า 2.25 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้งานในมือ(Backlog)เพิ่มขึ้นเป็น 1.3 แสนล้านบาททำสถิติสูงสุด โดยเป็นงานใหม่ที่เข้ามาในปีนี้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ถึงสิ้นปีนี้คาดว่าจะมี Backlog ส่งต่อไปปีหน้าประมาณ 1.2 แสนล้านบาท และช่วงปลายปีจนถึงต้นปีหน้ายังจะมีการเปิดประมูลงานสร้างรถไฟฟ้าต่อเนื่อง
นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มงานบริหาร CK คาดว่า ในภาพรวมธุรกิจรับเหมาสดใสจากภาครัฐจะมีการเปิดประมูลงานโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับงานใหม่ 20-25% ของมูลค่างานทั้งหมดที่เข้าร่วมประมูล
ทั้งนี้ ช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจะมีการเปิดประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ มูลค่าโครงการ 3.6 หมื่นล้านบาท , งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี มูลค่างาน 5 หมื่นล้านบาท ส่วนโครงการ SPP เฟส 2 ที่บางปะอิน มูลค่างาน 5 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ในบริษัทลูกจะมีการเปิดดำเนินงานต้นปีหน้า
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเข้าร่วมประมูลงานบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ มูลค่า 3.5 แสนนล้านบาท โดยจับมือพันธมิตรในประเทศ 4-5 ราย และมีบริษัท ทีมกรุ๊ป เข้าร่วมในกลุ่ม ซึ่ง CK จะเป็นผู้ถือหุ้นหลัก และจะยื่นซองประมูลเร็วๆนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะสอบผ่านคุณสมบัติ เพราะบริษัทมีความเชี่ยวชาญงานก่อสร้างเขื่อนและระบบระบายน้ำ
นายประเสริฐ กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท โดยไตรมาส 3/55 จะมีรายได้ประมาณ 5 พันล้านบาท สูงกว่าในไตรมาส 2/55 ที่มีรายได้กว่า 4 พันล้านบาท มาจากการรับรู้รายได้ของงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ , สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง- สมุทรปราการ
ส่วนปี 56 รายได้ของบริษัทจะเติบโต 10-15% มาอยู่ที่ 2-2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายจะลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ให้เหลือ 2 เท่า จาก ณ สิ้นมิ.ย.55 อยู่ที่ 2.6 เท่า โดยจะนำกำไรที่ได้จากการขายหุ้น บมจ.ซีเคพาวเวอร์ และกำไรจากการดำเนินงานไปชำระหนี้บางส่วน ขณะเดียวกันมีแผนจะออกหุ้นกู้ไม่เกิน 3 พันล้านบาทในปีหน้าเพื่อไปชดเชยหุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนด แต่หากมีกำไรมากอาจจะออกไม่ถึงวงเงินดังกล่าว
อนึ่ง ณ สิ้นมิ.ย. 55 บริษัทมี 2.6 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยไม่เกิน 5.5% โดยในจำนวนนี้เป็นหุ้นกู้ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าการนำ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นายประเสริฐ เชื่อมั่นว่า บริษัทจะยื่นไฟลิ่งกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เร็วที่สุดประมาณเดือน พ.ย.นี้ แต่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ SET ทันในปีนี้หรือไม่ คงต้องรอดูสถานการณ์ตลาดด้วย
นายประเสริฐ ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมารวมทั้งงาน Thailand Focus 2012 ที่เพิ่งผ่านมามีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศเข้าพบ ส่วนใหญ่สอบถามข้อมูลบริษัท โดยสัปดาห์นี้ได้มีนักลงทุนสถาบันและกองทุนต่างประเทศเข้าพบวันละ 2-3 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากฮ่องกง สิงคโปร์ ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะในสหรัฐ ยุโรป ต้องหาผลตอบแทนในเอเชีย รวมทั้งรัฐบาลไทยมีโครงการใหญ่อย่างการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ทำให้หุ้นของบริษัทที่อยู่ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้รับความสนใจ