ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร DTAC ที่ AA- แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 13, 2012 16:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ที่ระดับ “AA-" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในฐานะผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศทั้งในแง่รายได้และฐานลูกค้า ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงระบบโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่กว้างขวาง ตลอดจนตราสินค้าที่มีชื่อเสียง และคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ จุดแข็งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากภาวะการแข่งขันที่สูงในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่และความไม่แน่นอนของกฎระเบียบด้านธุรกิจโทรคมนาคม

ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งและรักษาความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อคุณภาพโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังให้บริษัทยังคงสภาพคล่องให้เพียงพอตลอดช่วงการลงทุนด้วย

ทริสเรทติ้งรายงานว่า DTAC ยังคงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งโดยเป็นผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 30% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 บริษัทมีลูกค้าทั้งสิ้นจำนวน 23.6 ล้านราย และสร้างรายได้ 44,158 ล้านบาทสำหรับครึ่งแรกของปี 2555 ความแข็งแกร่งทางธุรกิจของบริษัทยังคงได้รับแรงหนุนจากตราสินค้าที่มีชื่อเสียงและโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ครอบคลุมซึ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันนอกจากนี้ บริษัทยังได้รับประโยชน์ในรูปของความช่วยเหลือทางด้านบริหารจัดการจาก Telenor ASA (Telenor) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านสื่อสารโทรคมนาคมจากประเทศนอร์เวย์ด้วย

ระหว่างปี 2554 จนถึงครึ่งแรกของปี 2555 บริษัทมีรายได้ซึ่งไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม (Interconnection Charge -- IC) เพิ่มขึ้น 6%-8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอันเป็นผลมาจากบริการสื่อสารด้านข้อมูล (Non-voice) ที่มีอัตราการเติบโตสูง อนาคตที่สดใสของการใช้บริการด้านข้อมูลซึ่งได้รับแรงหนุนจากความนิยมใช้โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน (Smart Phone) และเครื่องมือสื่อสารเครือข่ายสังคมผ่านอินเทอร์เน็ต (Social Network) จะมีส่วนช่วยชดเชยรายได้จากบริการด้านเสียง (Voice Service) ที่ลดลงได้ กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทซึ่งไม่รวมค่า IC ต่อยอดขายในช่วง 3 ปีที่ผ่านอยู่ที่ 39%-43% อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2555 ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 35% จากสาเหตุที่ต้นทุนส่วนแบ่งรายได้ภายใต้สัญญาสัมปทานปรับเพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ

ความแข็งแกร่งทางการเงินของ DTAC ได้รับแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่ดี รวมถึงกระแสเงินสดที่เติบโต และระดับสภาพคล่องที่เพียงพอ เงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มจากระดับ 21,406 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 23,679 ล้านบาทในปี 2554 สำหรับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงาน 10,645 ล้านบาท บริษัทเปลี่ยนนโยบายการจ่ายเงินปันผลโดยปรับอัตราการจ่ายจากไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิเป็นไม่น้อยกว่า 80% และจ่ายเป็นรายไตรมาส บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษแบบเชิงรุกในปี 2554 ซึ่งส่งผลให้ฐานเงินทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 68,878 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2553 มาอยู่ที่ 34,888 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 โดยบริษัทใช้เงินกู้ยืมจากธนาคารเป็นเงินทุนบางส่วนสำหรับการจ่ายเงินปันผลดังกล่าว ทำให้ระดับภาระหนี้เพิ่มจาก 4,589 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 21,929 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2555 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มเป็น 36.9% ณ เดือนมิถุนายน 2555 เทียบกับระดับที่ต่ำผิดปกติที่ 11.5% ณ สิ้นปี 2553 และ 2554

แม้ว่าสภาพคล่องของบริษัทจะอ่อนตัวลง แต่ก็ยังถือว่าแข็งแกร่ง ทั้งนี้ คาดว่าระดับภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นในระยะปานกลางเนื่องจากกำหนดการสำหรับการลงทุนในโครงข่าย 3G มีความชัดเจนยิ่งขึ้น บริษัทจะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานสำหรับจ่ายเงินปันผลและชำระหนี้ที่มีอยู่เป็นหลัก ทริสเรทติ้งคาดหวังให้บริษัทรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลให้อยู่ในระดับที่สมดุลกับความต้องการคงเงินสดไว้สำหรับการลงทุนในอนาคต พร้อมทั้งแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีสำรองทางการเงินที่เพียงพอ

การประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 3G กำหนดให้มีขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2555 ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการลงทุนรอบใหม่ คาดว่าค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนจำนวนมากสำหรับโครงข่าย 3G จะเกิดขึ้นในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง DTAC วางแผนค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนสำหรับการขยายโครงข่ายประมาณ 40,000-45,000 ล้านบาทในช่วงปี 2555-2558 โดยเพิ่มเติมจากเงินลงทุนสำหรับค่าใบอนุญาต ทั้งนี้ คาดว่าการมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับสถาบันการเงินต่าง ๆ จะทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินเพียงพอต่อความต้องการเงินทุนในอนาคตสำหรับโครงข่าย 3G

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจได้รับแรงกดดันหากความต้องการเงินทุนในการขยายโครงข่าย 3G หรือปัจจัยอื่นผลักดันให้ระดับภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดไว้และส่งผลให้ฐานะการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ

การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีปัญหาขัดข้องหลายครั้งระหว่างการปรับปรุงยกระดับโครงข่ายของบริษัทส่งผลกระทบในด้านลบต่อภาพลักษณ์ตราสินค้าและทำให้ผู้ควบคุมกฎระเบียบคิดค่าปรับกับทางบริษัท คาดว่าหลังจากนี้ปัญหาเรื่องคุณภาพโครงข่ายน่าจะค่อยๆ หมดไป บริษัทวางแผนจะปรับปรุงยกระดับโครงข่ายทั่วประเทศให้แล้วเสร็จภายในปี 2555 ซึ่งเมื่อการปรับปรุงแล้วเสร็จ คุณภาพโครงข่ายจะดีขึ้นและการควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัทจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

รายได้ของอุตสาหกรรมธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ไม่รวม IC) ในปี 2554 และครึ่งแรกของปี 2555 ยังคงแข็งแกร่ง โดยเติบโต 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดว่ารายได้ในปี 2555 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเป็นผลจากอัตราการเติบโตในระดับสูงของรายได้จากบริการเสริม (Value-added Service) กระแสความนิยมในการใช้โทรศัพท์แบบ Smart Phone รวมทั้งคอมพิวเตอร์พกพาแบบหน้าจอสัมผัส (Tablet) Social Network และการใช้บริการอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Internet) ได้ผลักดันให้ตลาด Non-voice มีศักยภาพในการเติบโตสูงขึ้น จึงคาดว่าการแข่งขันในตลาด Non-voice จะสูงขึ้นหลังจากมีการออกใบอนุญาต 3G แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ