(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าเปิดกระโดดขึ้นตามภูมิภาคขานรับเฟดออก QE-คงดอกเบี้ยต่ำ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 14, 2012 09:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยนี้มีมองเชิงบวก โดยน่าจะเปิดกระโดดขึ้นราว 10-15 จุด ทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ ขานรับธนาคารกลางสหรัฐ(FED)ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE3)แบบไม่จำกัด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดอัตราการว่างงานลง

รวมทั้งยังส่งสัญญาณการใช้ดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำต่อไปจนถึงกลางปี 2558 ยืดระยะเวลาออกไปจากเดิมที่ระบุว่าจะใช้ไปจนถึงปี 57 จึงทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐบวกขึ้นมาค่อนข้างมาก

"ระหว่างวันอาจผันผวนจากแรงขายทำกำไร อาจต้องระวัง set เปิดกระโดดสูง แต่ปิดตัวต่ำ แต่ไม่ได้ต่ำถึงกับอยู่ในแดนลบ ยังอยู่ในแดนบวก"

พร้อมให้แนวรับที่ 1,262-1,265 จุด แนวต้านที่ 1,270-1,275 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(13 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,539.86 จุด เพิ่มขึ้น 206.51 จุด(+1.55%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,459.99 จุด เพิ่มขึ้น 23.43 จุด(+1.63%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,155.83 จุด เพิ่มขึ้น 41.51 จุด(+1.33%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 102.77 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 17.01 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 431.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 81.58 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 43.73 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 29.17 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.48 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 14.30 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(13 ก.ย.)ที่ระดับ 1,257.69 จุด ลดลง 2.27 จุด(-0.18%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 6.56 ล้านบาทเมื่อ 13 ก.ย.55
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 98.31 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์หรือ 1.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์วานนี้(13 ก.ย.)ปิดทำการที่ 7.3 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 30.80/85 แข็งค่าหลังเฟดออก QE3
  • "สุรินทร์" เตรียมเสนอผู้สุดยอดอาเซียนพ.ย.นี้ กำหนดเลื่อนวันเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนออกไปจาก 1 ม.ค. 2558 ระบุอาจต้องเลื่อนไปปลายปี 2558 ส.อ.ท.ชี้เลื่อนเออีซีต้องมีความจำเป็น ด้าน "วีรพงษ์" ห่วงความแตกต่างของนโยบายการเงินการคลังอาเซียน แนะสถาบันการเงินปรับตัวรับ เออีซี "ไทยซัมมิท กรุ๊ป" เผยลงทุนอาเซียน 2-3 ปี แรกยังหวังผลยอดขายไม่ได้
  • สศค.เสนอ ธปท.เปิดทางเอกชนนำเงินลงทุนต่างประเทศเพิ่ม 30% วงเงิน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ชี้ช่วยสร้างรายได้ทางอ้อมให้ประเทศไม่น้อยกว่าปีละ 6 หมื่นล้านบาท ด้าน "กิตติรัตน์" ยังห่วงเอกชนเลี่ยงภาษีและกระทบรายได้ของประเทศ สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาให้รอบคอบ, "แบงก์ชาติ" ยอมรับส่งออกแย่ลงกว่าเดิม ขณะที่ทูตพาณิชย์ยัน 7.2%
  • คลังลดเป้าส่งออกลงกว่าครึ่งเท่าตัว เหลือโตแค่ 4.5% ด้านที่ประชุมทูตพาณิชย์คาด 7.2% แต่ รมว.จะบี้ให้ได้ 15%, นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวเมื่อวันที่13 ก.ย.ว่าสศค.ได้ปรับประมาณการมูลค่าการส่งออกปีนี้ลงจากเติบโต 12.8% เหลือโตแค่ 4.5% เนื่องจากมูลค่าการส่งออกของไทยในครึ่งปีแรกขยายตัวติดลบประมาณ 1.5%
  • แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)วันที่ 14 ก.ย. จะพิจารณาแนวทางการปรับราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ภาคขนส่ง โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)จะเสนอปรับขึ้นราคาอย่างน้อย 25 สต./กก.หลังราคาแอลพีจีตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากก่อนหน้านี้ 900 เหรียญสหรัฐ
  • รมว.คมนาคม เผยภายหลังประชุมเชิงปฏิบัติการอนาคตโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิตและโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ว่าที่ประชุมจะสรุปสมมติฐานทั้งหมดที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)รายงานมาว่า ควรเดินหน้าต่อ พร้อมกับก่อสร้างรถไฟทางคู่ทั้ง 6 เส้นทาง เสนอต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณาในสัปดาห์หน้า
  • นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง"เพิ่มพลังขีดแข่งขันรับบริบทใหม่ AEC"ว่าสถาบันการเงินไทยจะต้องปรับตัวรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)โดยการปรับปรุงกฎระเบียบ กรอบการกำหนดนโยบายการเงินที่ยังมีความแตกต่างกันในปัจจุบัน เช่นมาตรฐานบาเซิล 3 ดังนั้นทางการต้องมีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้หลังการรวมตัวของอาเซียนแล้ว
  • รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การออกไปลงทุนในต่างประเทศของนักลงทุนและธุรกิจไทย เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง เพราะถ้าต่อไปมีการเปิดเสรีเงินทุนเพื่อให้เงินไหลเข้าออกง่าย อัตราแลกเปลี่ยนก็อาจจะผันผวนมากขึ้น นักลงทุนที่จะออกไปลงทุนต่างประเทศต้องป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะทำให้หนี้ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TOP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"ราคาเหมาะสม 67.50 บาท(อยู่ระหว่างปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปี 56)คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมีจะเป็นกลุ่มนำตลาดในวันนี้ รับประโยชน์โดยตรงหลังเฟดประกาศใช้ QE3 ส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง และจะเป็นบวกต่อผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีทั้งจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่เร่งตัวขึ้น และการบันทึกำไรจากสต็อกน้ำมัน เบื้องต้นคาด TOP กำไรสุทธิ 3Q55 สูงถึง 7-8 พันลบ.พลิกกลับจากผลขาดทุนสุทธิ 7 พันลบใน 2Q55
  • PTT(กสิกรไทย)ให้เป้าระยะสั้น 333-336 บาท ขายเมื่อหลุด 325 บาท โดยเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ได้ผลดีจาก QE3 และผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q55
  • SUC(กสิกรไทย)ให้เป้าระยะสั้น 40.00 บาท ขายเมื่อหลุด 34.00 บาท คาดผลการดำเนินงาน 2H55 จะดีกว่าปีก่อนมากเพราะ ราคาถ่านหินที่ลดลง จะส่งผลดีต่อธุรกิจไฟฟ้าที่ประเทศจีน และราคาปัจจุบันซื้อขายที่เพียง 0.70 เท่าของมูลค่าทางบัญชี (53.25 บาท) และคาดปันผลทั้งปีไม่ต่ำกว่า 1.50 บาท/หุ้น
  • KSL(ฟินันเซีย ไซรัส)เป้า 15 บาท จะประกาศกำไรงวด 3Q12(พ.ค.-ก.ค.)วันนี้คาดกำไร new high และสูงที่สุดในปีนี้ (คาด 834 ล้านบาท +25% Q-Q, +5.7% Y-Y)แนะ"ขายเล่นรอบ"เพราะกำไรไตรมาสหน้าจะชะลอ และราคาหุ้นปรับขึ้นมาแล้ว 5% หลังจากที่แนะนำไปเมื่อ 6 ก.ย.ในอดีตราคาหุ้นมักปรับลง 5-8% หลังประกาศงบฯเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ