บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯคาดว่า หุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมีจะเป็นกลุ่มนำตลาดในวันนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มหลักที่ได้รับประโยชน์โดยตรง หลังธนาคารกลางสหรัฐประกาศใช้ QE3 ซึ่งจะส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ราคาน้ำมันดิบ และจะเป็นบวกต่อผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี ทั้งจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่เร่งตัวขึ้น และการบันทึกำไรจากสต็อกน้ำมัน
พร้อมแนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้น บมจ.ไทยออยล์(TOP)ราคาเหมาะสม 67.50 บาท โดยประเมินเบื้องต้นคาดว่า TOP จะมีกำไรสุทธิ 3Q55 สูงถึง 7,000 - 8,000 ล้านบาท พลิกกลับจากผลขาดทุนสุทธิสูงถึง 6,903 ล้านบาท ใน 2Q55 เนื่องจากค่าการกลั่นสิงคโปร์(GRM)เฉลี่ย Ytd ใน 3Q55 เพิ่มขึ้นถึง +37.3% yoy เป็น US$9.13=/barrel จาก 2Q55 ที่ US$6.65/barrel และคาดว่าจะมีการบันทึกกำไรจากสต็อกน้ำมันราว US$5-6/barrel ใน 3Q55 จากการไต่ระดับขึ้นของราคาน้ำมันดิบดูไบ +18.1% QTD เป็น US$114.60/ barrel จากสิ้นสุด 2Q55 ที่ US$97.07/barrel
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี มี Downside ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเคลื่อนไหว Underperform ตลาดมาก โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา (Ytd) SET ENERGY +1.5% และ SET PETRO +1.4% น้อยกว่า SET INDEX +22.8%
รวมทั้ง อาจเป็นเป้าหมายในการซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติ และสถาบันในประเทศ เพื่อทำ Window Dressing ในช่วงปลายเดือน ก.ย. 2555 และจะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
วานนี้(13 ก.ย.)หุ้น TOP ปิดที่ 67.25 บาท ลดลง 1.25 บาท(-1.82%)