โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC)มองทิศทางรายได้ในครึ่งปีหลังจะเติบโต 8-9% แม้บริษัทจะได้รับกระทบจากกรณีสัญญาณให้บริการล่ม และยอดขายโทรศัพท์มือถือที่ลดลงในช่วงนี้ที่คนรอรุ่นโทรศัพท์รุ่นใหม่ออกปลายปี รวมทั้งมีต้นทุนสัมปทานจ่ายที่สูงขึ้นกว่าปี 54 ถึง 5% จึงประมาณการกำไรทั้งปีลดลง 2% มองว่า 9 เดือนกำไรชะลอตัวลงไปด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าผลประกอบจะอ่อนแอแค่ในระยะสั้น แต่ Q4/55 จะเริ่มฟื้นตัวขึ้น และยังมีปัจจัยบวกจากเรื่องประมูล 3G ในเดือน ต.ค. มาช่วยหนุน อีกทั้ง DTAC เป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลค่อนข้างดีราว 6% ต่อปี
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.เคจีไอ ซื้อ 100.00 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 105.00 บล.ธนชาต ซื้อ 110.00 บล.บัวหลวง ซื้อ 115.00 บล.กรุงศรีอยุธยา ถือ 91.00
นายปฏิภาค นวารัตน์ นักวิเคราะห์ บล. เคจีไอ แนะนำ"ซื้อ"DTAC ที่ราคาพื้นฐาน 100 บาท จากประเด็น DTAC ปรับโครงสร้าง share holder เพื่อเข้าประมูล 3G น่าจะมีคุณสมบัติผ่านในการเข้าประมูล 3G จากเดิมที่ตลาดเคยมองว่า DTAC คุณสมบัติไม่ผ่าน
ครึ่งปีแรก DTAC มีกำไรสุทธิเกือบ 6,000 ล้านบาท ลดลง 7% YoY เหตุจากเมื่อเดือน ก.ย.54 มีการปรับการจ่ายรายได้ sharing ให้กับ CAT เพิ่มจากเดิม 25% เป็น 30% ทำให้ผลประกอบการดูปรับลดลงในปี 55 แต่ over all ถือว่าผลประกอบการยังดีอยู่ รายได้จึงยังเติบโตค่อนข้างดีมาก โตเกือบ 10% YoY รายได้หลักยังโตมากจากตัว DATA
สำหรับรายได้ในครึ่งปีหลัง มองว่าจะยังเติบโตในระดับ 8-9% ขณะที่ DATA โตเกือบ 40-50% ในครึ่งปีแรก ตัวฉุดคือส่วนบริการ VOICE จากเมื่อช่วงปลายปี 54 ระบบล่ม จึงเสียลูกค้าให้ผู้ประกอบการรายอื่นไปพอสมควร ทำให้ส่วนของรายได้บริการ VOICE ครึ่งปีแรกแทบจะไม่โต ขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นปรับตัวขึ้น 5-6%
“DTAC เองก็รู้ว่าระบบล่มครั้งนี้ทำให้ลูกค้าไม่พอใจและมีการย้ายไปใช้บริการของผู้ประกอบการรายอื่นแทน ตอนนี้บริษัทจึงมีการใส่แพคเกจส่วนของ VOICE เข้าไปเพื่อกระตุ้นการใช้ มองว่าในครึ่งปีหลังหากมีโอกาสที่บริการ VOICE จะกลับมาโตได้เมื่อเทียบกับ ปี54 ก็จะถือว่าเป็นส่วนที่เซอร์ไพรสตลาด เพราะตอนนี้ตลาดไม่ได้คาดหวังว่า DTAC จะกลับมาโตในส่วนของ VOICE แล้ว เพราะในครึ่งปีแรกก็พอยส์ตลาดพอสมควรแล้ว"นายปฏิภาค กล่าว
นอกจากนี้ ด้านการควบคุมต้นทุน DTAC ได้ Swop network ทั้งในส่วนกรุงเทพและภาคใต้จบแล้วในครึ่งปีแรก การมี Network เข้ามาจะทำให้ค่าใช้จ่ายที่ลิ้งค์กับ Network ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบค่าใช้จ่ายใน Network เก่า จึงคิดว่าในครึ่งปีหลังน่าจะมีการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น
นายถกล บรรจงรักษ์ นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า คาดผลประกอบการ Q3/55 กำไรของ DTAC จะปรับตัวลดลงทั้ง QoQ และ YoY หลังรายได้จากบริการเสียงลดลง เนื่องจากกรณีระบบล่มจึงมีการชดเชยด้วยการให้ส่วนลดโปรโมชั่นแก่ลูกค้า ประกอบกับยอดขายโทรศัพท์มือถือปรับลดลงเพราะคนต่างรอโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆที่จะออกในปลายปีนี้ และบริษัทยังมีต้นทุนสัมปทานจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นเป็น 30% จากปี 54 ที่ 25%
ทั้งนี้ จึงประมาณการกำไรทั้งปีจะลดลง 2% มองว่า 9 เดือนกำไรชะลอตัวลง จากต้นทุนสัมปทานที่สูงขึ้นตั้งแต่ Q4/54 แต่คาดว่าเมื่อเข้า Q4/55 กำไรน่าจะกลับมาเติบโต YoY จากฐานต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ แต่ผลประกอบจะอ่อนแอแค่ในระยะสั้น แต่ Q4/55 จะเริ่มฟื้นตัวขึ้น และยังมีปัจจัยบวกจากเรื่องประมูล 3G ในเดือน ต.ค.มาช่วยหนุนในหุ้นกลุ่มนี้อีกด้วย อีกทั้ง DTAC เป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลค่อนข้างดีราว 6% ต่อปี
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน คาดว่า กำไรสุทธิใน Q3/55 จะอยู่ที่ 2,730 ล้านบาท ลดลง 11% YoY และ 3% QoQ เนื่องจากต้นทุนดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่ารายได้ พร้อมประเมินว่าการชดเชยสัญญาณล่มครั้งล่าสุดจะกระทบรายได้ราว 1% กดดัน EBITDA margin และ Net profit margin ลดลง 30.7% Y-O-Y และ Q-12.9 % O-Q
อย่างไรก็ตาม DTAC มีสภาพคล่องส่วนเกิน มีเงินสดราว 10,000 ล้านบาท ประกอบกับคาดว่าจะมีกระแสเงินสดอิสระจากการดำเนินงาน ณ 3Q/55 ประมาณ 4,000 ล้านบาท ขณะที่ระยะสั้น DTAC ยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน เนื่องจากไม่มีการจ่ายคืนหนี้ใน 3Q/55 ส่วนการเข้าประมูลคลื่นฯ ใหม่กลางเดือน ต.ค.นี้ (วันที่ 15-20 ต.ค.) จะใช้เงินวางประกันก้อนแรกประมาณ 1,350 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทยังอิงนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 80% และมีเป้าหมายจะจ่ายเงินปันผลเป็นรายไตรมาส พร้อมคาดว่ากำไรสุทธิ 2 ปีข้างหน้า(ปี 56-57) จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของการลงทุนใหม่ และยังมีภาระต้นทุนสัมปทานเดิม แต่คาดว่า DTAC จะสามารถจ่ายเงินปันผลที่ให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 5% ต่อปีได้ จึงมองว่า DTAC มีความน่าสนใจจากผลตอบแทนส่วนต่างราคาและเงินปันผลรวม 25% (Total return) ประกอบกับราคาหุ้น DTAC ยังถูกกว่า ADVANC