ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 ก.ย.) ขานรับข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายปริมาณรอบที่ 3 (QE3) เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.3% ปิดที่ 275.95 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7412.13 จุด พุ่งขึ้น 101.81 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3581.58 จุด บวก 79.49 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5915.55 บวก 95.63 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นหลังจากที่ประชุมเฟดครั้งล่าสุดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % พร้อมขยายระยะเวลาการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษออกไปจนถึงกลางปี 2558 จากเดิมที่กำหนดไว้ถึงช่วงกลางปี 2557
นอกจากนี้ เฟดยังได้ประกาศใช้มาตรการ QE3 ด้วยการซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน นอกจากนี้ เอฟโอเอ็มซียังมีมติให้ขยายเวลาการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษออกไปจนถึงกลางปี 2558 จากเดิมที่เคยกำหนดไว้ถึงช่วงกลางปี 2557
ทั้งนี้ เฟดระบุว่าการใช้มาตรการ QE3 ด้วยการซื้อ MBS ซึ่งจะช่วยให้เฟดสามารถเพิ่มการถือครองหลักทรัพย์ระยะยาวได้อีก 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในแต่ละเดือนจนถึงสิ้นปี 2555 นั้น จะช่วยลดแรงกดดันของอัตราดอกเบี้ยระยะยาว,สนับสนุนการทำธุรกรรมในตลาดกู้จำนอง และยังช่วยผ่อนคลายภาวะตึงตัวด้านการเงินในวงกว้างด้วย
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 6% และหุ้นริโอ ทินโต พุ่งขึ้น 6.6% ซึ่งนำหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นด้วย ส่วนหุ้นลอนมิน ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลาตินัมรายใหญ่อันดับ 3 ของยุโรป พุ่งขึ้น 5% หลังจากมีรายงานว่าทางบริษัทจะเจรจากับกลุ่มสหภาพแรงงานในแอฟริกาใต้ เพื่อยุติการประท้วง
หุ้นโฟล์คสวาเก้น พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 19% สู่ระดับ 719,500 คัน