บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์(BTS) ระบุว่ายังไม่มีแผนจะจ่ายเงินปันผลพิเศษ หลังจากขายหุ้นในบริษัทย่อยที่ถือครองที่ดินหาดกมลา จ.ภูเก็ต มูลค่ากว่า 1.64 พันล้านบาท โดยจะขอถือเงินสดไว้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีที่ดินในมืออีกเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งพร้อมจะพิจารณาขายออกไปหากได้ราคาดี
ส่วนผลประกอบการในปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตราว 15% ตามการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS ที่ประเมินว่าจะเติบโตมากกว่า 10%
"เราได้มา 1 พันกว่าล้านบาทถือว่าไม่มาก ในภาวะเช่นนี้ถือเงินสดไว้เพื่อการลงทุนในอนาคตดีกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท" นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร BTS กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีมูลค่าที่ดินอีก 1.5 หมื่นล้านบาทที่พร้อมจะขาย ส่วนใหญ่เป็นที่ดินในโครงการธนาซิตี้ 380 ไร่และในที่ดินใน กทม.อีก 10 กว่าไร่ หากมีผู้เสนอราคาที่ดี เพราะมองว่าการขายที่ดินแล้วได้เงินสดกลับมาเป็นแนวทางที่ดีกว่าที่บริษัทจะพัฒนาที่ดินเอง ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 ปีถึงจะมีผลตอบแทนกลับมา และมองว่ามีโอกาสที่ตลาดจะมีโอเวอร์ซัพพลาย "ในภาวะอย่างนี้ บริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งถือว่าได้เปรียบในการมองหาโอกาสการลงทุน"นายคีรี กล่าวย้ำ
ทั้งนี้ นายคีรี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในงวดปี 55 (เม.ย. 55- มี.ค.56)เติบโต 15% จากการคาดการณ์จำนวนผู้โดยสาร 6-7 แสนเที่ยว/วัน ซึ่งได้ทำสถิติสูงสุดไปแล้วที่ 7.2 แสนเที่ยว/วัน
ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารโดยเฉลี่ยในครึ่งแรกของปีนี้อยู่ที่กว่า 6 แสนเที่ยว/วัน เพิ่มขึ้นกว่า 10% และแนวโน้มครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากโครงการดอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้ามีจำนวนมากขึ้น และการเพิ่มรถโดยสารอีก 35 ตู้ 11 ขบวน ในปีนี้ จากนั้นในปีหน้าบริษัทมีแผนจะเพิ่มอีก 5 ขบวนรองรับเส้นทางส่วนต่อขยายวงเวียนใหญ่-บางหว้า
ปัจจุบัน BTS มีสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจรถไฟฟ้า 65-70% ที่เหลือมาจากบริษัทย่อย คือ บมจ. วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารสื่อโฆษณาในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ประเภทสื่อภาพนิ่งและสื่อดิจิตอลบนรถไฟฟ้าบีทีเอส ตลอดจนพื้นที่เชิงพาณิชย์บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส จำนวน 23 สถานี