นายสยาม ประสิทธิ์ศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่ากลุ่ม GE อาจขายหุ้น BAY ให้กับธนาคารในภูมิภาคที่ให้ความสนใจเข้ามาทำธุรกิจในไทยว่า ขณะนี้เท่าที่ทราบทางกลุ่ม GE ยังคงถือหุ้นใน BAY ต่อไป เนื่องจากกลุ่ม GE ยังให้ความสนใจธุรกิจธนาคารพาณิชย์เป็น Strategic Investment ในไทย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นจะเป็นอย่างไรคงเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาระดับสูงและผู้ถือหุ้น
ทั้งนี้ GE CAPITAL INTERNATIONAL HOLDING CORPORATION ถือหุ้น BAY ในสัดส่วน 32.93% หรือ 2 พันล้านหุ้น ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง
นอกจากนั้น นายสยาม ยังกล่าวถึงการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มธูรกิจเอสเอ็มอีว่า สินเชื่อเอสเอ็มอีในปีนี้น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 26% หรือมียอดสินเชื่อคงค้าง 1.81 แสนล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกสินเชื่อเอสเอ็มอีเติบโตแล้ว 8% หรือมีสินเชื่อคงค้างที่ 1.68 แสนล้านบาท โดยตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนฐานลูกค้าใหม่มาที่ 60% จาก 40% ส่วนลูกค้าเก่าจะมีสัดส่วน 40% จากเดิมมีสัดส่วน 60%
ช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารได้วางกลยุทธ์การตลาดด้วยการออกสินเชื่อใหม่เป็น"สินเชื่อสุขใจ"ที่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ 30% และให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดถึง 20 ล้านบาท ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อสุขใจที่ 1 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแคมเปญกระตุ้นยอดใช้สินเชื่อของลูกค้าเดิม และเดินหน้าจับมือพ้นธมิตรรายใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด BAY ได้เซ็นสัญญากับ บมจ.ปูนซิเมนต์นครหลวง (SCCC) มีเป้าหมายสินเชื่อ วงเงิน 700 ล้านบาท เครื่องใช้ไฟฟ้าแอลจี 200 ล้านบาท และ เทสโก้ โลตัส ที่ 1 พันล้านบาท
พร้อมกันนี้ได้มีการนำระบบ One Scan มาอนุม้ติสินชื่อ ซึ่งได้ติดตั้งระบบนี้ไปแล้ว 600 สาขา และจะทำให้การอนุมัติสินเชื่อทำได้เร็วภายใน 3 วัน
นายสยาม กล่าวว่า ลูกค้าหลักในกลุ่มเอสเอ็มอี จะเป็นธุรกิจบริการและเทรดดิ้งที่ยังมีความต้องการสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าลูกค้าในภาคการส่งออกอาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่การที่รัฐบาลหันมากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ น่าจะยังทำให้กลุ่มธุรกิจส่งออกไปได้ดี ขณะที่ลูกค้ากลุมธุรกิจส่งออกของ BAY มีสัดส่วนน้อยเพียง 5% ของพอร์ตสินเชื่อรวม และยังมีการชำระหนี้เป็นไปตามปกติ ไม่เห็นสัญญาณการผิดนัดชำระหนี้
ส่วนในพื้นที่ถูกน้ำท่วม นายสยาม กล่าวว่า ในขณะนี้มีลูกค้าเอสเอ็มอีในพื้นที่ดังกล่าวไม่เกิน 4% ของพอร์ตสินเชื่อยังไม่มีผลกระทบ ซึ่งมองว่าปีนี้น่าจะท่วมน้อยกว่าปีก่อน และมองเป็นผลกระทบระยะสั้น