โบรกเกอร์หนุน"ซื้อ"บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น(AMATA) มองแนวโน้มการทำรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากยอดการโอนที่ดีที่ดีขึ้นต่อเนื่องตามลำดับ ในขณะที่บริษัทไม่มีความเสี่ยงทางธุรกิจจากการที่นิคมฯทุกแห่งอยู่ในพื้นที่ปลอดน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม ต้องรอลุ้นว่าบริษัทจะทำยอดขายที่ดินได้ตามเป้าหมายที่ 3 พันไร่หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้บริษัททำยอดขายได้เพียง 1 พันกว่าไร่ แต่ยังมีลูกค้าในมือที่รอเซ็นสัญญาอีกกว่า 800 ไร่
นอกจากนี้ มองราคาหุ้นขณะนี้น่าสนใจลงทุน โดยยอดรอเซ็นสัญญามีโอกาสหนุนราคาหุ้นสูงขึ้น แต่หากทำยอดขายไม่ได้ตามเป้า ก็มองว่าแนวโน้มราคาหุ้นลดลงอาจมีจำกัด
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.กรุงศรี ซื้อ 19.00
บล.ทรินี้ตี้ ซื้อ 21.00
บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 21.50
บล.เคจีไอ ซื้อ 19.00
บล.ฟินันเซียฯ ซื้อ 20.00
บล.เมย์แบงก์ฯ ซื้อ 20.70
บล.บัวหลวง ซื้อ 20.20
นายชาตรี ศรีสมัยเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี มองครึ่งปีหลังรายได้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากยอดโอนที่ดินที่น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ยังมียอดโอนน้อย โดยเชื่อว่าการโอนที่ดินน่าจะดีขึ้นตามลำดับ แม้ว่ายอดขายที่ดินในปีนี้ที่มีโอกาสไม่เป็นไปตามเป้าหมายใหม่ที่ตั้งไว้สูงถึง 3 พันไร่ แต่ก็มีโอกาสจะทำได้ถึง 2 พันไร่
"ตัวเลขยอดขายอาจทำไม่ได้จริง เพราะยอดขายครึ่งปีแรกทำได้เพียงพันกว่าไร่ แต่ก็ต้องรอดูช่วงที่เหลือ เพราะบริษัทยังมีลูกค้ารอเซ็นสัญญาอีกว่า 800 ไร่ ขณะที่ยอด FDI ยังมีต่อเนื่อง BOI ประกาศยอดขอรับการส่งเสริมลงทุนช่วง 8 เดือนแรกเติบโตกว่า 115%"นายชาตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลดำเนินงานของ AMATA ในปีนี้คาดว่าบริษัทมีกำไรราว 1,131 ล้านบาท เติบโต 21% ส่วนปีหน้าจะมีรายได้ราว 1,260 ล้านบาท ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิม เนื่องจากปรับลดสมมติฐานยอดขายที่ดินปีนี้อาจไม่ได้ตามเป้า
AMATA เป็น Top pick ของกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเป็นผู้ประกอบการหลักในโซนภาคตะวันออกที่ได้รับประโยชน์จากการขยายการลงทุนทางตรงโดยเฉพาะจากกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่ป้อนให้แก่สายการผลิตโมเดลใหม่ๆของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น และไม่มีความเสี่ยงจากน้ำท่วม
ส่วนการที่บริษัทสนใจลงทุนนิคมอุตสาหกรรมในโครงการทวาย มองว่าเป็นแคนดิเดตที่มีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะมีความได้เปรียบในหลายด้าน ทั้งในแง่ของการเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมจากนิคมอุตสาหกรรมอมตะที่ขนาบท่าเรือแหลมฉบัง และรัฐบาลจะสร้างทางเชื่อมไปยัง จ.กาญจนบุรี เพื่อเชื่อมไปนิคมฯทวาย ซึ่งตระกูลกรมดิษฐ์มีพื้นเพเป็นชาวกาญจนบุรีน่าจะคุ้นเคยกับพื้นที่
"ลูกค้าหลักของอมตะฯ ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น และลูกค้าของบริษัทมีความหลากหลาย ทั้งกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องภาคเกษตร และหลายๆอย่างถือว่ามีความได้เปรียบ"นายชาตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจนิคมฯในโครงการทวายคงยังไม่เห็นในเวลาอันใกล้ แต่ถือเป็นแนวโน้มที่ดีของบริษัท โดยต้องรอให้นิคมฯทวายมีการจัดทำระบบสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐานให้มีความพร้อมรองรับก่อน
นายไชยธร ศรีเจริญ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง วิเคราะห์ว่า ราคาหุ้นในขณะนี้ถือว่าน่าสนใจ โดยราคาหุ้น ช่วง 3 เดือนอยู่ในกรอบแคบ ปรับตัวลงลงมากกว่าตลาด 7% เนื่องจากการขายที่ดินนิคมฯ ค่อนข้างอืด แต่คาดการณ์ยอดขายที่ดินอีกอย่างน้อย 800 ไร่ภายในสิ้นปีนี้จะหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น
ยอดขายที่ดินตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 1,260 ไร่ ส่วนจะมีโอกาสทำยอดขายได้ตามเป้า 3,000 ไร่หรือไม่ ถือว่ายังเร็วที่จะคาดการณ์ เพราะช่วงที่เหลืออาจมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ได้
"โอกาสที่หุ้นจะปรับลงมีจำกัดแม้ว่ายอดขายจะพลาดเป้า เพราะจากราคาหุ้นในอดีต AMATA มีความสัมพันธ์อย่างมากกับคาดการณ์ยอดขายที่ดินของตลาด ราคาหุ้นขณะนี้อ้างอิงจากความคาดหวังที่ว่าบริษัทจะสามารถทำยอดขายที่ดินได้เพียง 1,640 ไร่ในปีนี้ หรือน่าจะทำได้ 2,000 ไร่ หนุนด้วย LOI จำนวน 800 ไร่ เราคิดว่าราคาในขณะนี้เป็นจุดเข้าซื้อที่ดี"
ทั้งนี้ AMATA ยังเห็นโอกาสการเติบโตของยอดขายที่ดินในปี 56 ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องใน 2 ปีข้างหน้า แต่ปีนี้ทำยอดขายที่ดินได้ตามเป้าหมาย โอกาสที่ยอดขายที่ดินจะเติบโตได้อีกในปีหน้าดูค่อนข้างยาก ดังนั้น ยอดขายที่ดินจะสูงสุดในปีนี้และกำไรสุทธิจะสูงสุดในปีหน้า 56