บลจ.ทิสโก้ ออกกองทุนทริกเกอร์หุ้นจีน อายุ 8 เดือน เป้าผลตอบแทน 8%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 18, 2012 10:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บลจ. ทิสโก้ เปิดเผยว่า บริษัทเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 4 อายุโครงการประมาณ 8 เดือน โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Lyxor ETF China Enterprise (HSCEI) (กองทุนหลัก) เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ประเภทกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise (HSCEI)

กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 4 มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 8 เดือน โดยกองทุนดังกล่าวจะเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% หรือ NAV มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.8000 บาท เปิดเสนอขายครั้งเดียว (ไอพีโอ) ระหว่าง18 - 28 กันยายน 2555 ที่ บลจ.ทิสโก้และธนาคารทิสโก้ ทุกสาขา มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 20,000 บาท

TISCO Wealth ระบุว่า ตลาดหุ้นจีนถือเป็นตลาดหุ้นที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจลงทุนมากที่สุดในขณะนี้ โดยเศรษฐกิจจีนในปีนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายของทางการจีนที่คาดว่าจะโตในระดับไม่ต่ำกว่า 7.5% จากความพยายามของรัฐบาลจีนที่เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ อีกทั้งธนาคารกลางจีนยังยืดหยุ่นให้ธนาคารพาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จนเหลือ 6% และคาดว่าธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีก 1% ในเร็วๆ นี้ ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะไม่เกิด Hard Landing และจีนยังเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขยายตัวเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนยังน่าสนใจลงทุน ด้วยราคาหุ้นที่ถือว่าอยู่ในระดับที่ถูกเมื่อเทียบกับภูมิภาคถึง 30% โดยปัจจุบันค่า P/E ของตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ระดับประมาณต่ำกว่า 9 เท่า เมื่อเทียบกับภูมิภาคซึ่งอยู่ที่ประมาณมากกว่า 11 เท่า ซึ่งหากตลาดหุ้นจีนกลับเข้าไปซื้อขายในระดับเดียวกับภูมิภาคคาดว่าตลาดหุ้นจีนจะมี Upside จากระดับปัจจุบันร่วม 30%นอกจากนั้นตลาดหุ้นจีนคาดว่าจะยังจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเปลี่ยนผู้นำจีนในช่วงเดือน ต.ค. 2555 - มี.ค. 2556 รวมถึงการออกมาตรการ QE3 ของสหรัฐฯ ที่จะส่งผลให้เกิดสภาพคล่องที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียและจีนอีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ