ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดตลาดอ่อนแรงลงในวันนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลด้านแรงงานที่น่าผิดหวัง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากมีรายงานว่าภาคการผลิตของจีนและยูโรโซนหดตัวลง
ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 32.61 จุด หรือ 0.24% แตะที่ 13,545.35 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 9.34 จุด หรือ 0.64% แตะที่ 1,451.71 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 23.07 จุด หรือ 0.72% แตะที่ 3,159.55 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ก.ย. ลดลง 3,000 ราย มาอยู่ที่ 382,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการในสัปดาห์ที่แล้วจะอยู่ที่ 375,000 ราย แสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานยังไม่ยั่งยืน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากมาร์กิตเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซิ้อ (PMI) รวมทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 45.9 ในเดือนก.ย. จาก 46.3 ในเดือนส.ค.
โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตขยับขึ้นแตะ 46.0 จาก 45.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งแม้ว่าจะมีการปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังถือว่ากิจกรรมการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว เนื่องจากดัชนียังต่ำกว่าระดับ 50 ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการอ่อนแรงลงที่ 46.0 ในเดือนก.ย. จาก 47.2 ในเดือนส.ค. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาคบริการหดตัวรุนแรงขึ้นในเดือนที่แล้ว
ขณะที่เอชเอสบีซี โฮลดิงส์เผย ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 47.8 จากข้อมูลขั้นสุดท้ายที่ 47.6 ในเดือนส.ค. แต่ตัวเลขยังคงต่ำกว่า 50 ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมภาคการผลิตของจีนในเดือนก.ย.หดตัวลงจากเดือนก่อนหน้า
หุ้นเบธ บาธ แอนด์ บียอนด์ ร่วงลง 8.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิลดลง 2.2% มาอยู่ที่ระดับ 224.3 ล้านดอลลาร์ จากปีที่แล้วที่ระดับ 229.4 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หุ้นไนกี้ ดีดตัวขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทประกาศแผนการซื้อคืนหุ้น Class B มูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 4 ปี