นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการรอพิจารณาจากสำนักงานก.ล.ต. โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในไตรมาส 4/55
"การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของบริษัทในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสให้บริษัทสามารถขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทมีการเติบโตอย่างมีศักยภาพด้วย"นายวิชา กล่าว
นพ.สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ กล่าวว่า การระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้สำหรับการขยายสาขาร้าน BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE เพื่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมทั้งปรับปรุงระบบการดำเนินงานภายใน เช่น ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน การขยายคลังสินค้า และนำไปใช้ในการรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งมีแนวโน้มจะเติบโตเป็นอย่างมากในช่วงต่อจากนี้ และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
บริษัทมีแผนขยายตลาดผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ ออกไปอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของตลาดในประเทศจะเน้นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้กว้างขวางครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศบริษัทได้เริ่มทำตลาดในส่วนของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเปิดตัวร้าน BEAUTY BUFFET เป็นครั้งแรกในประเทศกัมพูชาเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา นอกจากนี้จะเพิ่มผลิตภัณฑ์และจุดจำหน่ายสินค้า Made in Nature ที่จัดจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดให้มากขึ้น
สำหรับในปีนี้บริษัทเชื่อมั่นว่าการเติบโตจะไม่ต่ำกว่า 20% โดยผลการดำเนินงานของ BEAUTY ในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการขยายสาขาในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยในงวด 6 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 361.94 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 21.73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 85.13 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 23.52% ซึ่งสาเหตุที่อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเปิดตัวและขยายตัวอย่างรวดเร็วของร้าน BEAUTY COTTAGE ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นตั้นอยู่ในเกณฑ์ดี
ส่วนปี 56 บริษัทตั้งเป้าจะขยายสาขา BEAUTY BUFFET ทั่วประเทศ 180 สาขา จากปัจจุบัน 127 สาขา และ BEAUTY COTTAGE จำนวน 50 สาขา จากปัจจุบัน 24 สาขา
เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปเปิดสาขาทั้งหมด 125 ล้านบาท หลังจากนั้นจะลงทุนขยายคลังสินค้า ศูนย์ฝึกอบรม ระบบคอมพิวเตอร์อีก 120 ล้านบาท เพื่อรองรับการโตของสาขา อีกส่วนหนึ่งเป็นทุนหมุนเวียน ปัจจุบันตลาดเครื่องสำอางในช็อปมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท มาร์เก็ตแชร์ปี 54 ของเราอยู่ที่ 610 กว่าล้านบาท คิดเป็น 7.7% ปีนี้ตั้งเป้ารายได้โต 20% จากปีก่อนที่ 615 ล้5555นบาท ครึ่งแรกโตแล้ว 22% ครึ่งหลังก็คาดว่าจะโตต่อเนื่อง ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศมอง AEC ก่อน โดยเปิดแล้วที่กัมพูชา
ปัจจุบันบริษัทมีช่องทางจำหน่าย 3 ช่องทาง คือ บิวตี้ บุฟเฟต์มีอยู่ 136 สาขา เจนเนอเรทรายได้สูงสุด ,บิวตี้ คอทเท็จ แนววินเทจเป็นเครื่องสำอางแนวธรรมชาติ และ Made in Nature ขายสินค้าเข้าไปในโมเดิร์นเทรดที่วางขายแล้ว เช่น ฟูดส์แลนด์,วิลล่า,โฮมเฟร์ชมาร์ท,ริมปิง เชียงใหม่