(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งลงในกรอบแคบ กังวลศก.โลก-ยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 24, 2012 09:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวลงในกรอบแคบ ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบประมาณ 0.5-0.7% เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก และตลาดฯยังไม่ได้มีปัจจัยใหม่อะไรเข้ามาด้วย

โดยวันนี้ให้จับตาดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเยอรมนีเดือนก.ย.จาก Ifo business climate ที่จะประกาศช่วงบ่าย ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะออกมาดี และหากเป็นจริงก็คงจะเป็นตัวตอกย้ำความกังวลเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ ขณะนี้กำลังจับตาดูท่าทีของเยอรมัน และฝรั่งเศส ว่าจะมีทางการแก้ไขปัญหาหนี้ในยุโรปอย่างไร เนื่องจากสเปน และอิตาลีเริ่มลังเลที่จะขอรับความช่วยเหลือ ภายหลังจากที่ยังตกลงในตัวเงื่อนไขไม่ได้

พร้อมให้แนวรับ 1,280 จุด แนวต้าน 1,290 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(21 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,579.47 จุด ลดลง 17.46 จุด(-0.13%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,460.15 จุด ลดลง 0.11 จุด(-0.01%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,179.96 จุด เพิ่มขึ้น 4.00 จุด(+0.13%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 38.68 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 123.84 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 5.74 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 5.95 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 6.65 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 1.95 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 9.35 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 4.10 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(21 ก.ย.)ที่ระดับ 1,286.26 จุด เพิ่มขึ้น 3.58 จุด(+0.28%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 535.77 ล้านบาทเมื่อ 21 ก.ย.55
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุดที่ 92.89 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.7 ดอลลาร์หรือ 0.5%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ล่าสุด(21 ก.ย.)ปิดทำการที่ 8.9 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 30.87/89 คาดอ่อนค่า นลท.กังวลมูดี้ส์ลดเครดิตพันธบัตรสเปน
  • ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 2555 นี้ถือว่าเป็นปีที่การค้าต่างประเทศผิดปกติ แต่ปีหน้าจะสาหัสกว่า เพราะขณะนี้ลูกค้าต่างชะลอคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์) ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 ทั้งที่ปกติช่วงนี้จะต้องเริ่มมีการสั่งซื้อเข้ามาบ้าง หลังปิดคำสั่งซื้อไตรมาส 4/55 ไปแล้วเนื่องจากลูกค้าต่างต้องการขอรอดูยอดขายช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ในช่วง 2 เดือนนี้ก่อน เพราะยังไม่แน่ใจว่าสินค้าที่สั่งซื้อไปแล้วจะขายได้หรือไม่
  • ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เขียนบทความในหนังสือพระสยาม วารสารภายในของ ธปท. ว่า เมื่อมีเงินไหลเข้ามาในระบบเศรษฐกิจไทยมากเกินไป หาก ธปท.ไม่ดูแลปริมาณเงินจะทำให้เกิดเงินเฟ้อ ดังนั้นจำเป็นต้องออกพันธบัตร ธปท.มาดูดเงินบาทออกไป ทำให้มีภาระดอกเบี้ยจ่ายปีละ3-4% ขณะที่ดอกเบี้ยรับจากการนำเงินเหรียญสหรัฐไปลงทุนซื้อพันธบัตรสหรัฐได้ไม่เกิน 0.25-1%
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินแบงก์หันบุกสินเชื่อเอสเอ็มอี ปรับตัวรับเกณฑ์บาเซิล3 เหตุกินทุนน้อยกว่าสินเชื่อรายใหญ่, แบงก์ฉวยจังหวะตลาดเปิดเร่งระดม เงินดอลลาร์สหรัฐ ผ่านเงินกู้และหุ้นกู้ หวังล็อกต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ หลังธนาคารกลางต่างประเทศอัดสภาพคล่องเข้าระบบกดดอกเบี้ยในตลาดเงินลดต่ำลง แบงก์กรุงเทพออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิกว่า 37,668 ล้านบาท ส่วนกรุงไทยกู้แบงก์ต่างชาติ 100 ล้านดอลลาร์และเล็งขายหุ้นกู้ในประเทศเพิ่ม ด้านทิสโก้จ่อออกหุ้นกู้ 2,000 ล้านบาท หากจังหวะเปิด ขณะที่ประเมินสินเชื่อแบงก์ปี 56 โต 11.5% ต่ำกว่าปีนี้ที่คาดว่าจะโต 13% หลังหมดประชานิยม ทั้งรถคันแรก-บ้านหลังแรกและซอฟท์โลน
  • โฆษกกระทรวงการคลังเผยเดือนสิงหาคม 2555 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 300,116 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 32,323 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.7 และต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 0.1 โดยภาษีเงินได้นิติบุคคลในเดือนนี้ ต่ำกว่าประมาณการ 37,487 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.1 สาเหตุสำคัญจากอุทกภัยปลายปี 54 ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของธุรกิจในช่วงต้นปี 55 ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องส่งออกได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มยูโรโซน การให้สิทธิประโยชน์ภาษีของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ในเรื่องการลงทุนสีเขียว และการตั้งสำรองเพิ่มของธนาคารพาณิชย์ นอกจากนี้ การขยายเวลาลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลเหลือลิตรละ 0.005 บาททำให้ภาษีน้ำมันจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 8,242 ล้านบาท
  • คลังเร่งร่างกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน สื่อสาร สาธารณูปโภค และการคมนาคมขนส่ง ระยะเวลากู้ 7 ปี เล็งเสนอเข้าสู่สภาได้ภายในปีนี้และเริ่มดำเนินการกู้ได้ในปี 56

*หุ้นเด่นวันนี้

  • PHATRA ซื้อขายวันนี้สุดท้ายและ delist ออกจากตลาดฯพรุ่งนี้ (25 ก.ย. 2012)
  • ROJNA(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"ราคาเหมาะสมอิง Consensus ที่ 11.55 บาท เชื่อจะได้ประโยชน์โดยตรงจากการเกิดข้อพิพาทระหว่างจีน - ญี่ปุ่น ส่งผลให้บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น เช่น Toyota และ Honda สั่งปิดโรงงานในจีนชั่วคราว และมีแนวโน้มทบทวนนโยบายเพื่อเคลื่อนย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังประเทศไทยแทน ขณะที่ผลประกอบการได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2554 ที่ผ่านมา จากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมและส่งผลให้ขาดทุนสุทธิ 837 ล้านบาท พร้อมคาดว่าผลประกอบการปี 2555 จะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ 1,060 ล้านบาท และคาดว่าหากมีการเซ็นสัญญาขายที่ล็อตใหญ่กับลูกค้าญี่ปุ่นจะเป็น Upside Risk
  • SMIT(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"ราคาเหมาะสม 5.00 บาท ธุรกิจแม่พิมพ์ได้ประโยชน์โดยตรงจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่เติบโตต่อเนื่อง ยอดขายรถยนต์ในประเทศ เดือน ส.ค. เติบโตถึง +69.3% yoy และ8M55 เติบโต +48.6% yoy คาดกำไรสุทธิ 3Q55 มีแนวโน้มทำระดับสูงสุดใหม่ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 55 เติบโต +34.3% yoy และ +6.9% yoy
  • SIRI(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อราคาเป้าหมายปีหน้า 3.50 บาท กำไรคาดโตสูงกว่ากลุ่มคือ 42% ในปีนี้ และ 36% ในปีหน้า และ PE ปีหน้าต่ำเพียง 7.9 เท่า ทั้งนี้ "DCondo Campus Resort" คอนโดแห่งแรกในเชียงใหม่ที่เปิดขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาขายหมดภายใน 1 ชั่วโมงครึ่ง
  • TPIPL(บัวหลวง)ให้แนวรับ 13.5 บาท แนวต้าน 15 บาท อิง Window dressing สถิติขึ้นช่วงปิดไตรมาสตลอด 2 ปีที่ผ่านมา, Laggard -YTD return ติดลบเกิน 10%, PBV ต่ำกว่า 0.5 เท่า, ROE 16%, คาดกำไร 3Q12F ดีขึ้นจากมาร์จิ้นดีขึ้นทุกด้าน 1. ต้นทุนถ่านหินลงบวกต่อธุรกิจซีเมนต์ 2. น้ำมัน Sideway-down บวกต่อเม็ดพลาสติก ธุรกิจ LDPE ราคาหุ้น, MS ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์ ซีเมนต์ปี 12-13 ขึ้นคาดโต 3-5%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ