BTS เล็งขายที่ดินแนวรถไฟฟ้า-ร่วมทุนอสังหาฯรายใหญ่,ถกกทม.ขึ้นค่าโดยสารสรุปปลายปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 25, 2012 10:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฎิบัติการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ(BTSC)ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งเป็นบริษัทย่อยใน บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง(BTS)เปิดเผยถึงแนวทางการบริหารที่ดินในมือ โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้าว่า บริษัทอยุ่ระหว่างเจรจากับบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อยู่หลายราย เพื่อจะขายที่ดิน และขอเข้าถือหุ้นโครงการ ซึ่งขณะนี้บริษัทมีที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่บริษัทมีอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ พญาไท มีกว่า 3 ไร่, นานา มีพื้นที่ 3 ไร่ และหมอชิต มีประมาณ 15 ไร่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 56

ทั้งนี้ เดิมบริษัทเคยมีแผนจะพัฒนาที่ดินทั้ง 3 แห่ง โดยที่ดินตรงนานาจะพัฒนาเป็นโรงแรม , พญาไท จะพัฒนาโครงการดอนโดมิเนียมกับโรงแรม และที่ดินหมอชิตพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม สำนักงานให้เช่าและโรงแรม แต่เนื่องจากเห็นว่าภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มจะอิ่มตัว บริษัทจึงได้ชะลอโครงการ และหันมาพิจารณาขายที่ดินหากได้ราคาที่เหมาะสม

"ที่ดินเราไม่มีหนี้ ตอนนี้ปล่อยขายมีกำไร เราทำธุรกิจ mass transit เป็นหลักดีกว่า ...มีบริษัทอสังหาฯรายใหญ่หลายรายมาคุย คิดว่าร่วมกันทำ เช่น เรามีที่ เขาสร้าง หรือ ขายที่ และขอถือหุ้นโครงการ เพราะเราเห็นโครงการดี ติดรถไฟฟ้า แต่เราไม่อยากลงทุน ณ เวลานี้ เพราะค่าก่อสร้างแพงกว่าค่าที่"นายสุรพงษ์ กล่าว

ก่อนหน้านี้ BTSC ได้ขายที่ดิน ได้ขายหุ้นบริษัทย่อยคือ บริษัท กมลา บีช รีสอร์ท แอนด์ โฮเต็ล แมนเนจเม้นท์ จำกัด จำนวน 1.64 พันล้านบาท โดยคาดว่าบริษัทรับรู้กำไรประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งนายสุรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทยังมีที่ดินอีกหลายแปลงรวมในต่างจังหวัด และที่ดินในธนาซิตี้ โดยนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร BTS ระบุไว้ว่าบริษัทมีที่ดินรวมกันประมาณ 1.5 หมื่นไร่

ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่มีรายได้ 728 ล้านบาท โดยโครงการ Abtract พหลโยธิน ขายได้ 70% และจะเริ่มโอนหลังจากสร้างเสร็จใน ธ.ค. 55 จะมีรายได้เข้ามาไตรมาสสุดท้ายของงวดปี 55 ส่วนโครงการ Abtract สุขุมวิทขายหมดแล้วและอยู่ระหว่างโอน

*Ridership รถไฟฟ้าบีทีเอสโตกว่า 10% อีก 3-4 ปี

นายสุรพงษ์ คาดกำไรในงวดปี 55 (สิ้นสุด มี.ค.56) จะสูงกว่าปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 2.1 พันลบ. เนื่องจากคาดว่า EBITDA Margin งวดปีนี้จะสูงมากกว่า 60% จากปีก่อนที่ได้ระดับ 60% และบริษัทยังมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้น บ.กมลาฯ, ได้รับเงินชดเชยจากกรมธนารักษ์ 1.1 พันล้านบาทในต.ค. 55 และกำไรจากการขายหุ้น บมจ.วีจีไอ โกลบอล มีเดีย(VGI)

ส่วนรายได้รวมปีนี้น่าจะโต 15% ตามจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 12-15% แต่คาดว่าจะโตเกินกว่าเป้าหรือมากกว่า 200 ล้านเที่ยวคน จากปีก่อนที่มีจำนวน 176 ล้านเที่ยวคน เนื่องจากมีการย้ายเข้าอยู่ในเมืองมากขึ้น และอยู่คอนโดมิเนียมตามรถไฟฟ้ามากขึ้น มีห้างใหม่ที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้า รวมทั้งปัญหารถติดทำให้ผู้โดยสารมาใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ วันที่ 30 มี.ค.55 มีจำนวนผู้โดยสารสูงสุดที่ 7.15 แสนเที่ยว/วัน โดยปัจจุบันในวันธรรมดามีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 6 แสนเที่ยว/วัน วันเสาร์มีจำนวนประมาณ 5 แสนเที่ยว/วัน และ วันอาทิตย์ใกล้ที่ 4 แสนเที่ยว/วัน ซึ่งเติบโตมากจากปีก่อน

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าในช่วง 3-4 ปีข้างหน้านี้จะยังไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้าใหม่มาเชื่อมต่อก็ตาม แต่คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนการเปิดเดินรถในส่วนต่อขยายวงเวียนใหญ่-บางหว้า ในเดือน ธ.ค.55 จำนวน 2 สถานี และอีก 2 สถานีในเดือนส.ค.หรือก.ย.56 แต่ยังวัดไม่ได้เพราะกรุงเทพมหานคร(กทม.)ให้บริการฟรีในช่วงแรก

อย่างไรก็ตาม บริษัทหารือกับทางกรุงเทพมหานครในการปรับค่าโดยสาร จากที่ต้นทุนการบริหารสูงขึ้นจากค่าแรงเพิ่มขึ้น และค่าไฟฟ้ามีการปรับขึ้นด้วย ซึ่งตามสัญญาสัมปทานบริษัทจะมีสิทธิปรับราคาทุกปีตามอัตราเงินเฟ้อ (CPI) แต่สะสมได้ให้ถึง 5% จึงได้จะปรับขึ้นได้ โดยปัจจุบัน บริษัทยังเก็บราคาเพดาน 40 บาทต่ำกว่าสัญญา ขณะเดียวกันจะหารือให้กรุงเทพมหานครปรับลดค่าตั๋วสำหรับส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่งที่ปัจจุบันเก็บ 15 บาท ให้เหลือประมาณ 10 บาท ทั้งนี้คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทกำลังศึกษาและเตรียมลงทุนซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 7 ขบวนๆละ 4 ตู้ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งจะต้องใช้ในอีก 5-6 ปีข้างหน้าแต่จะต้องสั่งซื้อใน 2 ปีนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนผู้โดยสาร คาดว่าจะใช้เงินกู้จากธนาคารในประเทศ ขณะที่บริษัทได้ทยอยรับตู้รถไฟฟ้า 35 ตู้ ที่จะส่งมอบเสร็จในต้นปี 56 ซึ่งลงทุนแล้วกว่า 2 พันล้านบาท และในปลายปี 56 จะรับมอบอีก 5 ขบวนๆละ 4 ตู้ ที่ลงทุนไป 1.5 พันล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ