ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร SST ที่ “BBB-/Negative"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 25, 2012 16:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.ทรัพย์ศรีไทย(SST) ที่ระดับ “BBB-" โดยแนวโน้มยังคง “Negative" หรือ “ลบ"

อันดับเครดิตสะท้อนถึงการมีประสบการณ์ที่ยาวนานของบริษัทในธุรกิจคลังสินค้า ตลอดจนการมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากธุรกิจคลังเอกสารและคลังสินค้าให้เช่า อันดับเครดิตดังกล่าวยังมีข้อจำกัดบางประการจากความผันผวนและผลประกอบการที่อ่อนแอของธุรกิจถั่วเหลือง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงการที่บริษัทได้ซื้อกิจการธุรกิจอาหารบริการด่วนเมื่อเร็ว ๆ นี้ด้วย โดยแบรนด์อาหารดังกล่าวประกอบด้วย Dunkin’ Donuts, Au Bon Pain, และ Baskin Robbins

ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative" หรือ “ลบ" สะท้อนถึงฐานะการเงินของบริษัทที่อ่อนตัวลงภายหลังจากการซื้อกิจการต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิตสามารถปรับกลับมาเป็น “Stable" หรือ “คงที่" ได้เช่นเดิมหากบริษัทสามารถบริหารธุรกิจใหม่ไปพร้อมกับธุรกิจเดิมได้อย่างราบรื่นและสามารถปรับปรุงโครงสร้างเงินทุนให้กลับมาเข้มแข็งได้ ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตก็มีโอกาสถูกปรับลดลงหากบริษัทยังคงมีผลประกอบการที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องและต้องใช้เวลานานในการปรับปรุงฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน

ทริสเรทติ้งรายงานว่า SST ก่อตั้งในปี 2519 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2530 เริ่มแรกบริษัทดำเนินธุรกิจคลังสินค้าและท่าเรือที่จังหวัดสมุทรปราการและต่อมาได้ขยายกิจการสู่ธุรกิจคลังเอกสาร ณ เดือนพฤษภาคม 2555 ครอบครัวชินธรรมมิตร์และกลุ่มเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วนรวมกันจำนวน 60.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ปัจจุบันบริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสาร บริษัทเป็นเจ้าของคลังสินค้าและคลังเอกสารรวม 51 หลังและมีท่าเทียบเรือ 2 ท่า มีพื้นที่เก็บสินค้าทั้งสิ้น 81,769 ตารางเมตร (ตร.ม.) บริษัทใช้พื้นที่ประมาณ 25% ของพื้นที่ทั้งหมดสำหรับธุรกิจคลังเอกสาร ส่วนที่เหลือ 75% ใช้สำหรับธุรกิจคลังสินค้า รายได้จากธุรกิจคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จาก 195 ล้านบาทใน ปี2552 เป็น 217 ล้านบาทในปี 2554 และ 109 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2555

อย่างไรก็ตาม กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายลดลง 33% เหลือ 84 ล้านบาทในปี 2554 เทียบกับ 125 ล้านบาทในปี 2553 อันเป็นผลมาจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากการที่บริษัทได้ทำสัญญาเช่าสินทรัพย์จากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทรัพย์ศรีไทย (SSTPF) ซึ่งมีค่าเช่า 33 ล้านบาท ในปี 2554 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจากธุรกิจคลังสินค้าและคลังเอกสารสำหรับครึ่งแรกของปี 2555 จำนวน 43 ล้านบาทโดยไม่รวมค่าใช้จ่ายจากการซื้อกิจการในธุรกิจอาหาร

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในเดือนกันยายน 2554 บริษัทซื้อหุ้น 100% ในบริษัท อุตสาหกรรมวิวัฒน์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืชภายใต้เครื่องหมายการค้า “ทิพ" โดยใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท รวมทั้งรับภาระหนี้ของบริษัทอุตสาหกรรมวิวัฒน์ตามแผนการฟื้นฟูกิจการจำนวน 716 ล้านบาท ภายหลังจากการซื้อกิจการดังกล่าว ในช่วงระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม 2554 บริษัทมีรายได้จากบริษัทอุตสาหกรรมวิวัฒน์ (น้ำมันพืชทิพ) จำนวน 82 ล้านบาท แต่ขาดทุนจากการดำเนินงาน 22 ล้านบาท

สำหรับครึ่งแรกของปี 2555 บริษัทอุตสาหกรรมวิวัฒน์บันทึกรายได้ 62 ล้านบาทและผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 27 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักของผลขาดทุนเกิดจากอุทกภัยในปี 2554 และความผันผวนของราคาถั่วเหลือง ผลจากอุทกภัยครั้งใหญ่ทำให้บริษัทต้องหยุดการผลิตและการสกัดน้ำมันเนื่องจากเครื่องจักรได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม ความเสียหายดังกล่าวส่วนใหญ่จะได้รับการชดเชยจากบริษัทประกันภัย เนื่องจากถั่วเหลืองเป็นทั้งพืชพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาจึงผันผวนอย่างเห็นได้ชัดในปี 2554 อีกทั้งกากถั่วเหลืองที่ผลิตในประเทศต้องแข่งขันกับกากถั่วเหลืองที่นำเข้าจากประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ระดับสากล เช่น ประเทศบราซิลและอาร์เจนติน่าด้วย

ในเดือนมกราคม 2555 บริษัทได้ซื้อหุ้น 100% ใน Mudman Ltd. (Mudman), Golden Donuts (Thailand) Co., Ltd. (GD) และ ABP Caf? (Thailand) Co., Ltd. (ABP) ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 1,454 ล้านบาท โดย GD เป็นบริษัทที่ถือสิทธิในการประกอบธุรกิจร้าน “Dunkin’ Donuts" ในประเทศไทย และ “Dunkin’ Donuts" เป็นเครือข่ายร้านอาหารบริการด่วนที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก ส่วน ABP เป็นบริษัทที่ถือสิทธิในการประกอบธุรกิจอาหารภายใต้ตรา “Au Bon Pain" ในประเทศไทยซึ่งเป็นเครือข่ายร้านอาหารที่มีสาขาในหลาย ๆ ประเทศ ณ เดือนมิถุนายน 2555 Dunkin’ Donuts มีสาขา 222 แห่งทั่วประเทศไทย ในขณะที่ Au Bon Pain มีสาขารวม 51 แห่ง

Dunkin’ Donuts และ Au Bon Pain มีรายได้รวมกัน 1,150 ล้านบาทในปี 2553 และ 1,380 ล้านบาทในปี 2554 ทั้ง 2 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายรวมกันจำนวน 135 ล้านบาทในปี 2553 และ 184 ล้านบาทในปี 2554 สำหรับในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 ทั้ง 2 บริษัทมีรายได้รวม 767 ล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย 118 ล้านบาท

SST ยังคงขยายกิจการต่อไปในธุรกิจอาหาร โดยในเดือนกรกฎาคม 2555 บริษัทได้ซื้อสินทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบกิจการจำหน่ายไอศกรีมภายใต้แบรนด์ Baskin Robbins แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยทั้งหมดจากบริษัท Big Scoop Co., Ltd. ซึ่งมีสาขา 17 แห่งในประเทศไทยโดยผ่านบริษัทย่อยคือ Golden Scoop Co., Ltd. ด้วยมูลค่า 47 ล้านบาท

หลังจากการซื้อกิจการต่าง ๆ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ฐานธุรกิจของ SST ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทบันทึกรายได้รวม 898 ล้านบาท โดย 81% ของรายได้ทั้งหมดมาจากธุรกิจอาหาร อีก 12% มาจากธุรกิจคลังสินค้า และ 7% มาจากธุรกิจถั่วเหลือง สัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย 86% มาจากธุรกิจอาหาร ในขณะที่ 34% มาจากธุรกิจคลังสินค้า ส่วนธุรกิจถั่วเหลืองมีสัดส่วน (-)20% อันเนื่องมาจากการมีผลขาดทุน

ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการซื้อกิจการหลายแห่ง แต่ผลขาดทุนจากธุรกิจถั่วเหลือง รวมทั้งภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น และค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดจากการซื้อกิจการอาหารจำนวน 46 ล้านบาทก็ส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุน 67 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2555

ฐานะการเงินของ SST ในปี 2555 อ่อนแอลง เนื่องจากบริษัทใช้เงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ในการซื้อกิจการเป็นหลัก ทำให้หนี้สินรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จาก 572 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 2,390 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2553 เป็น 59% ณ เดือนมิถุนายน 2555 ภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนผลประกอบการที่อ่อนตัวลง และค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดจากการซื้อกิจการส่งผลให้อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายลดลงจาก 2.5 เท่าในปี 2554 เหลือ 1.5 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ