หุ้น PPS ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 2.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท(+200%)จากราคาขาย IPO ที่ 0.70 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 363.88 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 2.04 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 2.10 บาท และราคาลงต่ำสุด 2.02 บาท
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ กล่าวว่า ราคาหุ้น บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) เปิดเทรดวันแรกพุ่งราว 200% จากราคา IPO ที่ 0.70 บาท/หุ้น เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นโดยรวมในวันนี้เอื้ออำนวยและบรรยากาศการลงทุนยังอยู่ในกระแสหุ้น IPO ขณะที่ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถกระจายหุ้นให้กับนักลงทุนรายย่อยได้อย่างทั่วถึง
"ถ้าหุ้นถึงกระจายถึงรายย่อยมากเท่าไรความต้องการก็จะเข้ามาเยอะมากขึ้น เพราะดีมานด์สูงอยู่แล้ว ตอนนี้ถือว่าเป็นสูตรสำเร็จของการกระจายหุ้นไอพีโอที่กระจายได้ทั่วถึง จากที่ผ่านมาไม่ได้มีการกระจายมาก แต่กระจุกตัวในบางกลุ่ม"นายชนิตร กล่าว
ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซ็ท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) กล่าวว่า ราคาหุ้นที่เข้าเทรดวันแรกพุ่งแรง เป็นเพราะนักลงทุนมองถึงอนาคตจากนี้ไปอีก 4 ไตรมาสข้างหน้า PPS กำลังจะมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่สะท้อนงานที่จะได้ในอนาคตอีกกว่า 100 ล้านบาท จากปัจจุบันมีงานในมือ(backlog)แล้ว 432 ล้านบาท
"ราคานี้ยังถูกอยู่ เชื่อว่าผลงาน backlog ใหม่ที่จะเข้ามาจะตอบโจทย์ราคาหุ้น ซึ่งเป็นเหตุเป็นผลกัน ซึ่งงานแบ็กล็อกใหม่จะตอบโจทย์ราคาหุ้นได้" นายสมภพ กล่าว
ด้านนายสัมพันธ์ หงษ์จินตกุล กรรมการผู้จัดการ PPS กล่าวว่า ปลายสัปดาห์นี้บริษัทเตรียมรับงานใหญ่ของศาลฎีกามูลค่าก่อสร้าง 2,555 ล้านบาท เป็นค่าบริหารด้านวิศวกรรมที่บริษัทจะรับรู้เป็นรายได้ที่ราว 45 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปถีงปี 55 นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างของกลุ่มโตโยต้ามูลค่าราว 300 กว่าล้านบาท บริษัทจะได้ค่าบริหารราว 8-10 ล้านบาท และงานก่อสร้างของบมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอเฟค(PF) รวม 3 งานนี้จะทำให้ backlog เพิ่มขึ้นเป็น 480 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ถึงปี 57
ในปีนี้บริษัทยังคงเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อน แต่ไตรมาส 3/55 คาดว่ารายได้จะมากกว่าไตรมาส 2/55 เพราะลูกค้าขยายเวลาก่อสร้าง ทำให้งานควบคุมด้านวิศวกรรมมีเวลามากขึ้น รายได้ในการบริหารก็จะมากขึ้น แต่ยังไม่ปรับเป้ารายได้รวมทั้งปี เพราะขอดูตัวเลขที่แน่นอนก่อน
นายสัมพันธ์ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับสิงคโปร์ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเป็นฐานในการรับงานในประเทศสิงคโปร์ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนเจรจาโครงสร้างการถือหุ้นคาดว่าจะสรุปได้ในสิ้นปีนี้