นายวิรัตน์ เอี้ยวอักษร กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.กฤษดามหานคร(KMC)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในไตรมาส 4/55 บริษัทจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมซอยรัชดาฯ 17 เฟสใหม่ มูลค่าโครงการรวม 800 ล้านบาท และโครงการที่รังสิตเฟสใหม่ มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาจัดซื้อที่ดินโซนบางนาที่น้ำไม่ท่วมเมื่อปลายปี 54 เพื่อพัฒนาเป็นโครงการแนวราบ โดยคาดว่าจะใช้งบจัดซื้อที่ดินราว 100 ล้านบาท และรู้ผลภายในเดือน ก.ย.นี้ หลังจากนั้นจึงจะพิจารณามูลค่าโครงการที่จะพัฒนา
สำหรับแผนพัฒนาโครงการโฮมออฟฟิศ ย่านรังสิต จำนวน 40 ยูนิต มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำ EIA ซึ่งยังต้องใช้เวลา เนื่องจากผังเมืองใหม่ทำให้ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ มีการเร่งเสนอขออนุญาตการก่อสร้างมากขึ้น เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากผังเมืองใหม่ที่จะใช้ในปีหน้า
"โครงการนี้อยู่ตรงข้ามที่ดินของเซ็นทรัล เราก็มองว่าน่าจะทำเป็นโฮมออฟฟิศได้ ไม่มีการปรับแผนใหม่ แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงของการปรับผังโครงการ ขอ EIA ซึ่งใช้เวลา คาดว่าน่าจะเริ่มก่อสร้างและทำพรีเซลได้ในปีหน้า"นายวิรัตน์ กล่าว
บริษัทคาดว่าไตรมาส 3/55 ผลการดำเนินงานจะดีกว่าไตรมาส 2/55 โดยอาจมีผลขาดทุนเล็กน้อย หรือเสมอตัว แต่ยังไม่มีกำไร เนื่องจากบริษัทเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน(backlog)จากโครงการเดิม อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ราว 500 ล้านบาท จาก backlog ที่จะทยอยรับรู้ฯปีนี้ แต่คงยังมีผลขาดทุนอยู่ ส่วนปี 56 เชื่อว่าจะทำรายได้ราว 1 พันล้านบาท หลังเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น
นายวิรัตน์ กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทค่อยๆฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งบริษัทจะเริ่มทยอยเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง และมีแผนที่จะล้างขาดทุนสะสมที่มีกว่า 1 พันล้านบาทให้หมดภายในปี 59 ส่วนแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยยังไม่มีการพิจารณา เพราะต้องรอให้บริษัทมีผลกำไรอย่างยั่งยืนและธุรกิจแข็งแรงมากขึ้นก่อน
ขณะที่แผนการขายหุ้นเพิ่มทุนที่เหลืออยู่นั้น ไม่ได้เร่งรีบในการดำเนินการ เพราะไม่กระทบต่อแผนการระดมเงินเพื่อนำไปจัดซื้อที่ดินมาพัฒนาโครงการใหม่ๆ เนื่องจากการที่ธุรกิจเพิ่งฟื้นตัว