ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดพุ่ง ขานรับผลทดสอบภาวะวิกฤตแบงก์สเปน

ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (1 ต.ค.) หลังจากผลการทดสอบภาวะวิกฤติ (stress test) ระบุว่า ธนาคารสเปนจำเป็นต้องระดมเงินทุนเพิ่มในสัดส่วนที่น้อยกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวดีเกินคาดของสหรัฐ

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.4% ปิดที่ 272.33 จุด ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3434.98 จุด บวก 80.16 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7326.73 จุด บวก 110.58 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5820.45 จุด บวก 78.38 จุด

ตลาดหุ้นยุโรปทะยานขึ้นหลังจากผลการทดสอบภาวะวิกฤติของธนาคารพาณิชย์ในสเปนซึ่งจัดทำโดยบริษัท โอลิเวอร์ วายแมน ระบุว่า ธนาคารสเปนจำเป็นต้องระดมเงินทุนเพิ่มอีก 5.93 หมื่นล้านยูโร (7.63 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยว่าที่ได้มีการประมาณการไว้ก่อนหน้านี้

การทดสอบดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะประมินความเสียหายที่มีต่องบดุลของธนาคาร อันเนื่องมาจากวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ และการทดสอบดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่จะต้องดำเนินการเพื่อแลกกับมาตรการรับความช่วยเหลือด้านการเงินมูลค่า 1 แสนล้านยูโรตามที่ตกลงกันไว้ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.5 ในเดือนก.ย. จากระดับ 49.6 ในเดือนส.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 49.7 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรก หลังจากหดตัวมาสามเดือนติดต่อกัน

หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปดีดตัวขึ้น โดยหุ้นธนาคารเครดิต อากริโคลของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 7.4% ขณะที่หุ้นอัลฟา แบงก์ พุ่งขึ้น 6.6% หุ้นเครดิตสวิสเพิ่มขึ้น 3.4% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ทะยานขึ้น 3.5% และหุ้นธนาคารบังโค ป๊อปปูเลร์ พุ่งขึ้น 4.5%

หุ้นกลุ่มสายการบินทะยานขึ้น หลังจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) คาดการณ์ว่า สายการบินหลายแห่งของสหรัฐอาจมีผลกำไร 4.1 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยหุ้น แอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม พุ่งขึ้น 3% หุ้นดอยช์ ลุฟฮันซา พุ่งขึ้น 1.5%