ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในกรณีการขอความช่วยเหลือด้านการเงินของสเปน และจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการในภาคเอกชน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 32.75 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 13,482.36 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 1.26 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 1,445.75 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 6.51 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 3,120.04 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน โดยถึงแม้ว่าดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปรับฐานขึ้น แต่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ได้ดิ่งลงมาเคลื่อนไหวในแดนลบเมื่อตลาดปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความแน่นอนของการยื่นขอความช่วยเหลือด้านการเงินของสเปน
ในช่วงแรกนั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับข่าวจากสื่อต่างประเทศว่า สเปนได้เตรียมขอความช่วยเหลือด้านการเงินอย่างเต็มรูปแบบในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะปูทางให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศใช้โครงการซื้อพันธบัตร
ทั้งนี้ ภายใต้โครงการดังกล่าวที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีประกาศเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมานั้น อีซีบีจะสามารถเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ได้ก็ต่อเมื่อประเทศนั้นได้ยื่นขอความช่วยเหลือด้านการเงินอย่างเป็นทางการ และการให้ความช่วยเหลือสเปนซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของยุโรปนั้น ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการรับมือกับวิกฤตหนี้ยุโรป
แต่ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงทันทีเมื่อนายมาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปนได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว โดยกล่าวว่าการขอความช่วยเหลือด้านการเงินจากยุโรปจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันมากขึ้นจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการรของบริษัทเอกชนซึ่งจะเริ่มเปิดเผยในวันอังคารหน้า รวมถึงบริษัทผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่อย่าง อัลโค
หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 0.3% ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินปรับฐานขึ้น นำโดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.6%
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้นราว 110,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ 8.2% ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 8.1% ของเดือนส.ค.