โบรกเกอร์ต่างแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไทยคม(THCOM)คาดผลประกอบการครึ่งปีหลังเติยโตอย่างมีนัยสำคัญจากการขายช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์ได้เพิ่มขึ้นทั้งลูกค้ารายใหม่ในอินเดีย และ บมจ.ทีโอที คาดสิ้นปีมียอดใช้งานไอพีสตาร์ที่ 32% จากปัจจุบันอยู่ที่ 25% ประกอบกับ เชื่อว่าจะปิดดีลขาย MFONE ในกัมพูชาได้ภายในสิ้นปีนี้ ดังนั้น น่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการดีต่อเนื่องในปี 56 ที่คาดว่าเติบโตเท่าตัวเป็น 780-1,000 ล้านบาท จากปี 55 ที่จะพลิกมามีกำไร 440-600 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 490 ล้านบาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 25.00 บล.เคจีไอ ซื้อ 24.00 บล.กสิกรไทย ซื้อเก็งกำไร 21.00-24.00 บล.เอเชียพลัส ซื้อ 22.00 บล.ซีไอเอ็มบีไทย ซื้อ 22.70
นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มองหุ้น THCOM เป็นหุ้น Turnaround โดยผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะโดดเด่นจากการขายช่องสัญญาณของดาวเทียมไทยคม 4 หรือไอพีสตาร์ในหลายประเทศเพิ่มขึ้น และปีหน้าจะมีดาวเทียมไทยคม 6 จากนั้นปี 57 จะมีดาวเทียมไทยคม 7 ดังนั้น มองว่ามีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการในอนาคตสุงขึ้น
"ความต้องการใช้ในอินเดียสุง มีการปรับการใช้งานเพิ่มขึ้นตามสัญญา และในออสเตรเลียก็ไปได้ดีในที่ร่วมโครงการ National Brondbrand ครึ่งปีหลังจะดีขึ้นอย่างมีนัย"
ทั้งนี้ ในปี 55 คาดมีกำไรสุทธิ 600 ล้านบาท และปี 56 จะมีกำไรสุทธิ 1,000 ล้านบาท จากปี 54 มีผลขาดทุน 490 ล้านบาท ให้ราคาเหมาะสมหุ้น THCOM ที่ 18 บาทสำหรับดาวเทียมไทยคม 5 แต่ถ้ารวมดาวเทียมไทยคม 6 และ ดาวเทียมไทยคม 7 จะมีราคาเหมาะสมที่ 21-24 บาท อย่างไรก็ตาม มองว่าเข้าเก็งกำไรได้ที่ราคาต่ำกว่า 21 บาท
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)กล่าวแนะนำ"ซื้อ"THCOM เพราะมองว่า THCOM มีแนวโน้มการใช้งาน(Utilization)ไอพีสตาร์เพิ่มมากชึ้น คาดว่าจะสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 32% จาก 25% จากปัจจุบัน
ในครึ่งปีหลังยอดการใช้งานไอพีสตาร์จะเพิ่มอีก 7% จากลูกค้าทีโอที 4% ที่มีการเซ็นสัญญาเพิ่มการใช้งานแล้ว และอินเดีย 3% ซึ่งเป็นลูกค้าใหม่ คาดว่าจะเซ็นสัญญาในไตรมาส 4/55 ซึ่งจะส่งผลให้กำไรเติบโต 10% โดยคาดว่าในปี 55 จะมีกำไรสุทธิ 440 ล้านบาท และปี 56 จะเติบโตเป็น 780 ล้านบาท
บทวิเคราะห์ บล.เอเชียพลัส รายงานว่า จากการประชุมกับ THCOM ฝ่ายบริหารคาดว่าจะมี 3 พัฒนาการธุรกิจที่จะเกิดขึ้นทันภายในปีนี้ คือ 1)การขายธุรกิจโทรศัพท์มือถือ(MFone)ในกัมพูชา ที่คาดว่าต้องรับรู้ขาดทุนครั้งเดียว เพราะมีแนวโน้ม THCOM จะยินยอมขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี MFone ที่ราว 500 ล้านบาท แต่ THCOM เชื่อว่าจะได้รับผลดีในอนาคตต่องบการเงิน เพราะปัจจุบันต้องแบกรับขาดทุนจากธุรกิจดังกล่าว 400 — 500 ล้านบาทต่อปี
2) ส่วนดาวเทียม iPSTAR คาดจะสามารถปิดดีลขายกำลังการให้บริการในไทย (8% ของกำลังการให้บริการ iPSTAR) อีก 50% ที่เหลือกับ TOT ได้ และ 3) คาดจะสามารถเจรจาขายกำลังการให้บริการ iPSTAR ในอินเดีย (16.1% ของกำลังการให้บริการ iPSTAR)ที่เหลืออีก 80% ให้กับคู่ค้าได้
แต่ด้วยพัฒนาการคงที่ในไตรมาส 3/55 ส่งผลให้คาดรายได้ THCOM จะดีขึ้นเล็กน้อย เพราะรายได้จาก iPSTAR (45% จากทั้งหมด)มีแนวโน้มขยับขึ้น 1.8%qoq จากอัตราค่าบริการ iPSTAR ในออสเตรเลียที่เพิ่มขึ้นตามสัญญา ขณะที่รายได้จากธุรกิจอื่นๆ คาดจะทรงตัว qoq
แต่หากหักล้างด้วยรายจ่ายโบนัสพิเศษครั้งเดียวในงวดนี้ 30 ล้านบาท คาดกำไรปกติ THCOM จะอ่อนตัว 20%qoq อยู่ที่ 132 ล้านบาท และเมื่อรวมกับกำไรพิเศษ FX ราว 60 ล้านบาท จากอานิสงส์เงินบาทต่อดอลลาร์ที่แข็งค่า (หนี้สินดอลลาร์ลดลง) คาดกำไรสุทธิงวดนี้ที่ 190 ล้านบาท ดีขึ้น 65%qoq
ดังนั้น มูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ตัดขาย MFone ไปแล้วจะอยู่ที่ 22 บาท แม้จะมี Upside 10.5% แต่ผลบวกของการเติบโตปีหน้า คาดจะหนุนมูลค่าพื้นฐานไปที่ 24 บาท ซึ่งยังไม่รวมอีก 1 เรื่องที่รอความชัดเจน คือ ดีล iPSTAR ใหม่ที่อินเดีย หากสำเร็จ (เบื้องต้นคาดเป็นมูลค่าเพิ่มอย่างน้อย 1 บาท ขึ้นกับรูปแบบผลตอบแทน)มูลค่าพื้นฐานหุ้นจึงมีโอกาสขยับขึ้นไปอย่างน้อยที่ 25 บาท