ก.ล.ต.กางแผนระดมทุนรับ AEC-ลุ่มน้ำโขงโชว์กองทุนต่างชาติในงานใหญ่พรุ่งนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 4, 2012 15:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวถึงการจัดงานประชุมระดับนานาชาติ Thailand Investment Conference ในวันพรุ่งนี้(5 ต.ค.)ว่า ก.ล.ต.จะนำเสนอโครงการลงทุนและนวัตกรรมด้านการลงทุนมานำเสนอต่อบรรดานักลงทุนต่างชาติที่เข้าร่วมงาน เพื่อแสดงให้เห็นโอกาสและช่องทางการลงทุนใหม่ ๆ โดยเฉพาะภายใต้การพัฒนาของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) และความร่วมมือกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง ซึ่งสามารถใช้ประเทศไทยเป็นประตูเชื่อมโยงการลงทุนได้

"เราจะนำเสนอรูปแบบการลงทุนในไทยที่เปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ ขณะเดียวกันสามารถระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย เพื่อรองรับการเติบโตเศรษฐกิจภายในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งมองว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในหลายด้าน อาทิ โลจิสติกส์...มีหลายรูปแบบการลงทุนที่จะนำเสนอให้เขาเข้ามาลงทุนได้ เพราะภูมิภาคยังจำเป็นต้องลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอีกจำนวนมาก ทั้งถนน รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าที่จะรองรับการเติบโตเศรษฐกิจ และ AEC ที่กำลังจะมาถึงในปี 58"นายวรพล กล่าว

งานครั้งนี้ ก.ล.ต.ร่วมกับ CFA Institute, New York, USA จัดประชุมระดับนานาชาติ Thailand Investment Conference โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและการเงินระดับโลกมาร่วมงานด้วย นำโดย Dr. Marc Faber กรรมการผู้จัดการ Marc Faber Ltd. และบรรณาธิการ The Gloom, Boom & Doom Report ผู้โด่งดังจากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่แม่นยำ จะร่วมให้มุมมองเกี่ยวกับการลงทุนในสภาวการณ์ที่ตลาดการเงินโลกมีความผันผวนสูง และผลต่อประเทศไทย

ร่วมด้วย Dr. Peng Chen ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Asia (ex-Japan) Dimensional Fund Advisors ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนชั้นนำ Ms. Deborah A. Fuhr หุ้นส่วนและผู้ร่วมก่อตั้ง ETFGI LLP ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกองทุนอีทีเอฟ (exchange traded fund) และ Mr. Anil Gaba, ORPAR Chaired Professor of Risk Management นักวิชาการจากสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านบริหารธุรกิจ INSEAD โดยมีผู้บริหารกองทุนชั้นนำจากทั่วโลกเข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

"ตั้งเป้ามีผู้ร่วมงานนี้ 200 คน คิดว่ามาจากกองทุนทั่วโลก 100 คน และจากบริษัทจดทะเบียนในไทย กองทุนไทย การจัดประชุมครั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกัน...เราต้องการให้เกิดการระดมทุนได้ ก็จะมีเครื่องมือลงทุน และไทยเป็นที่พร้อมลงทุน เราสร้างเครื่องมือทางการเงินทุกประเภท รองรับผู้ต้องการทุนและผู้ลงทุน"เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าว

นายวรพล กล่าวว่า ที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้ออกหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อตอบสนองต่อรูปแบบการลงทุนในลักษณะต่าง ๆ ที่จะสนับสนุนการพัฒนาทั้งระดับประเทศและภูมิภาค โดยพร้อมจะเปิดให้ต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง เพื่อใช้เป็นแกนระดมทุนในการออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการด้านสาธารณูปโภคในประเทศเพื่อนบ้าน และจัดหมวดหมู่บริษัทย่อยชัดเจนขึ้นทำให้ง่ายต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยเป็นการสนับสนุนไทยเป็นประตูการลงทุนในภูมิภาคนี้และเชื่อมโยงกับจีน

รวมถึงการจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(Real Estate Investment Trusts: REITs) ที่เปิดทางให้ระดมทุนไปใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ได้โดยสะดวก ซึ่งเหมาะกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโตของรายได้ค่าเช่า ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมตามชายแดน, คลังสินค้า, โรงงาน, อาคารสำนักงาน โดย ก.ล.ต.มองว่า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางหรือ head quarter โดย REITs เปิดให้นักลงทุนต่างชาติลงทุนได้ ซึ่งคาดว่าในเดือนนี้จะประกาศหลักเกณฑ์ได้

และกองทุนรวม Private Equity Fund และ Thai Equty Fund หรือ Venture Capital Fund ซึ่งเป็นกองทุนร่วมลงทุนที่จะลงทุนกิจการที่มีแนวโน้มอนาคตเติบโตสูง ซึ่ง ก.ล.ต.กำลังขอยกเว้นการเก็บภาษีจากผลตอบแทนการลงทุน ทั้งนี้ เน้นในกิจการกลุ่มเทคโนโลยี และ Innovation ยกตัวอย่างในต่างประเทศ เช่น Facebook ที่สามารถนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ได้แม้ว่าจะไม่ได้สินทรัพย์ถาวร ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจ SME มีความแข็งแรง

"ต่างชาติเขาอยากจะเข้ามาลงทุนโรงไฟฟ้าในลาว ในพม่า แต่ไม่รู้จะเข้าไปอย่างไร เราก็เสนอว่าเรามีช่องทางให้ลงทุนผ่านโฮลดิ้งส์ที่จดทะเบียนในประเทศไทยเพื่อระดมทุนไปลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ทวายก็ทำได้ อย่างกองทรัสต์ RIETs ก็เป็นทางเลือกใหม่ของธุรกิจอสังหาฯ ไม่ต้องรอสร้างเสร็จแล้วมาขายเข้ากองทุน RIETs ก็ทำหน้าที่เป็นนิติบุคคลระดมทุนซื้อที่ดินไปพัฒนาโครงการได้ด้วยตัวเอง เราออกแบบมาหลากหลายรูปแบบนำเสนอเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจให้เขา"นายวรพล กล่าว

ในการประชุมระดับนานาชาติครั้งนี้ ก.ล.ต.ยังจัดให้ผู้บริหารกิจการชั้นนำของไทยในการร่วมเสวนาให้ข้อคิดและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้บุกเบิกไปลงทุนหรือประกอบการในภูมิภาคในหัวข้อ "ความท้าทายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง" ได้แก่ นายทนง พิทยะ ประธานกรรมการ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ และประธานกรรมการ บมจ.น้ำประปาไทย(TTW) นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์(ITD) นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และนายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชั่น (AMATA)

พร้อมทั้งนายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด นายแมน ชุติชูเดช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และนายพินิจ พัวพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เคที ซีมิโก้ จำกัด

นายวรพล กล่าวว่า ประเทศไทยมีความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางการพัฒนาภูมิภาคที่จะรองรับความร่วมมือต่าง ๆ ทั้งลุ่มน้ำโขง AEC รวมถึงการเป็นพื้นทื่เชื่อมโยงอาเซียนกับจีน จึงเป็นจุดสนใจของบรรดานักลงทุนต่างชาติที่ต้องการหาโอกาสการลงทุนในภูมิภาคอยู่แล้ว หากมีเครื่องไม้เครื่องมือด้านการลงทุนพร้อมรองรับก็น่าจะทำให้ได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีเงินต่างชาติเข้ามาลงทุนในโครงการพัฒนาต่าง ๆ ของภูมิภาค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ