BCP บวก 2.46% อยู่ที่ 25.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท เมื่อเวลา 10.00 น.โดยเปิดตลาดที่ 24.70 บาท สูงสุด 25.00 บาท ต่ำสุด 24.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 56 ล้านบาท
บล.โกลเบล็ก แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) เป้าปี 56 ที่ 27.30 บาท คาดผลประกอบการ 3Q55 พลิกมีกำไรหลังจากที่ขาดทุน 385 ล้านบาทใน 2Q55 โดยแรงหนุนสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าการกลั่นและการบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบ และไม่ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายจากเหตุไฟไหม้โรงกลั่นเนื่องจากมีประกัน Cover ทั้งหมด โดยบริษัทจะบันทึกค่าใช้จ่ายจากเหตุไฟไหม้และเงินเคลมประกันพร้อมกันเป็นเงินลงทุนผ่านงบดุลใน 4Q55 และเก็งกำไรข่าวโรงกลั่นที่เสียหายจะกลับมาทำการผลิตได้ในช่วงปลายเดือนต.ค.55
ขณะที่ บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวืเคราะห์ว่า BCP ยืนยันว่าหน่วยกลั่นที่ 3 ที่ถูกเพลิงไหม้จะกลับมาเปิดผลิตตามแผนในช่วงกลางเดือน ต.ค. ส่วนรายได้จากประกันภัยคาดจะทยอยรับรู้ค่าชดเชยความเสียหาย ประมาณ 700-800 ล้านบาท(ก่อนภาษี) ใน 4Q55 และ 1Q56 ส่วนค่าชดเชยจากค่าเสียโอกาสจะรับรู้ใน 1Q56 เพราะต้องใช้เวลาในการเจรจาเพื่อพิสูจน์ความสามารถของโรงกลั่น เราคาดรายได้ดังกล่าว 400-500 ล้านบาท(ก่อนภาษี)บนสมมติฐานค่าการกลั่น 5 เหรียญต่อบาร์เรลและ crude run 60KBD
โครงการโซลาร์ฟาร์มเปิดดำเนินการเฟสที่ 1 สมบูรณ์ในวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนเฟสที่ 2 อีก 16 MW แรกจะเปิดในเดือน ธ.ค.ที่เหลืออีก 16 MW คาดจะเปิดใน 1Q56 ทำให้กำไรจากโซลาฟาร์มเพิ่มเป็น 15% ของประมาณการในปี 56 ส่วนเฟสสุดท้ายกำลังการผลิต 48 MW ส่วนแรก 16 MW ตั้งอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรีคาดจะเปิดในเดือน ธ.ค.56 ส่วนหลังอีก 32 MW อยู่ระหว่างการจัดซื้อที่ดินคาดก่อสร้างเสร็จในปี 57 ภายหลังเปิดครบทั้ง 3 เฟสกำไรจากธุรกิจโซลาร์ฟาร์มจะเพิ่มเป็นประมาณ 25% มีช่วยลดความผันผวนของผลประกอบการจากธุรกิจโรงกลั่น
สำหรับในระยะยาวเราคาดแผนการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนตาม PDP ใหม่จะช่วยหนุนโอกาสเติบโตของ BCP ซึ่งอยู่ในธุรกิจอยู่แล้วจึงได้เปรียบคู่แข่งรายอื่น เนื่องจากสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะในการบริหารและการก่อสร้าง รวมถึงเงินทุนซึ่งเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของ BCP