ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงในภูมิภาคเอเชีย หลังจากธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออก นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของภาคเอกชนยังทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อขายลงด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 26.50 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 13,583.65 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 5.05 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 1,455.88 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 23.83 จุด หรือ 0.76% ปิดที่ 3,112.35 จุด
นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทเอกชนหลายแห่งจะเปิดเผยผลประกอบการ รวมถึงบริษัทอัลโค อิงค์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงในภูมิภาคเอเชีย หลังจากธนาคารโลกคาดว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ไม่นับรวมญี่ปุ่น จะขยายตัว 7.2% ในปี 2555 ซึ่งลดลง 0.4% จากการคาดการณ์ที่เปิดเผยในเดือนพ.ค. และคาดว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคแห่งนี้จะฟื้นตัวเล็กน้อยในปีหน้า
ธนาคารโลกเตือนว่า เศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกจะเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้ยูโรโซน ซึ่งธนาคารโลกระบุว่าอาจส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงกว่า 2% ในปีหน้า หากวิกฤตหนี้ยูโรโซนกลายเป็นภาวะความวุ่นวายทางการเงินขนานใหญ่
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ด้านสถานการณ์ความคืบหน้าในยุโรปนั้น รมว.คลังกลุ่มยูโรโซนได้ประชุมร่วมกันที่ลักเซ็มเบิร์กเมื่อวานนี้ และได้มีการประกาศใช้กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (ESM) มูลค่า 5 แสนล้านยูโร ซึ่งเป็นกองทุนถาวรที่จะให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาด้านการเงิน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูโรโซนหลังจากที่นายวูล์ฟกัง ชอยเบิล รมว.คลังเยอรมนีเปิดเผยว่า สเปนกำลังดำเนินการทุกอย่างเท่าที่จำเป็นและยังไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงิน อย่างน้อยก็ในระยะนี้
นอกจากนี้ นายชอยเบิลยังกล่าวถึงการเดินทางเยือนกรีซของนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีในวันพรุ่งนี้ว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยกรีซพัฒนาเศรษฐกิจให้สามารถแข่งขันได้ และเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ของเยอรมนีเพื่อช่วยให้กรีซผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากไปได้
กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีเปิดเผยเมื่อวานนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในประเทศร่วงลง 0.5% ในเดือนส.ค. จากที่เพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนก.ค. ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจเยอรมนีกำลังได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ในภูมิภาคที่ยังคงยืดเยื้อ
หุ้นแอปเปิลร่วงลง 2.2% ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลง 2.4% ส่วนหุ้นวอลท์ ดีสนีย์ ร่วงลง 1.2%