นายสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย(THAI) คนใหม่ ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งในวันนี้เป็นวันแรก กล่าวถึงแผนการทำงานว่า จะมีการปรับเพิ่มเที่ยวบินให้มีความถี่มากขึ้น รวมถึงมีการปรับราคาตั๋วให้มีความยืดหยุ่น พร้อมทั้งจะสนับสนุนการทำการตลาดและจำหน่ายตั๋วโดยสารผ่านระบบออนไลน์ให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายสรจักร เตรียมเสนอแผนธุรกิจในปี 56 ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งจะพบกับคณะกรรมการบริษัทครั้งแรกในวันที่ 12 ต.ค.นี้
นายสรจักร กล่าวว่า ในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้หรือในไตรมาส 4/55 จะเร่งสร้างรายได้ด้วยการจัดราคาตั๋วที่ยืดหยุ่นขึ้น โดยปรับปรุงราคาตั๋วให้สอดรับกับการขายตั๋วผ่านออนไลน์ และเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางที่มีอยู่แล้ว หลังจากที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับการแก้ไขปัญหาความแออัดเมื่อจำนวนผู้โดยสารราว 8 ล้านคนย้ายไปใช้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองแทน
ขณะเดียวกันจะสร้างจุดขายให้กับการบินไทยที่เน้น Thailand Branding เพื่อสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน ผ่านอาหารไทยบนเครื่อง สินค้า OTOP และผ้าไทย
"ไตรมาสนี้เราต้องรีบทำ สิ่งที่เราจะทำสร้างจุดขายการให้บริการ เราจะจัดราคาตั๋วที่ยืดหยุ่นขึ้น อาจเพิ่มไฟลท์ในช่วง Peak ทำให้รายได้ในไตรมาส 4 ดีขึ้น ก็จะทำให้ตัวเลขปีนี้น่าสนใจขึ้น"นายสรจักร กล่าว
นายสรจักร มองว่า การบินไทยต้องเร่งทำการตลาดและขายตั๋วโดยสารผ่านออนไลน์ให้มากขึ้น โดยต้องการมีสัดส่วนรายได้จากส่วนนี้เพิ่มเป็น 10% ของรายได้รวม จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ต่ำกว่า 5% ขณะที่สายการบินอื่นมีสัดส่วนรายได้จากการขายตั๋วผ่านออนไลน์ ประมาณ 20-25% ทั้งนี้ เชื่อว่าจะช่วยอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (cabin factor) ดีขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 78%
นอกจากนี้ คาดว่าหลังจากที่การบินไทยรับทยอยรับมอบเครื่องบินใหม่ไปถึงกลางปี 56 และการปรับปรุงอุปกรณ์ภายในเครื่องบินจะทำให้ฝูงบินของการบินไทยมีความทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขัน ฉะนั้น จึงมองว่าอนาคตของการบินไทยดีมาก และเชื่อว่าการบินไทยมีโอกาสสูงในการทำกำไร เนื่องจากเห็นว่าตลาดอาเซียนและตลาดเอเชียยังมีโอกาสเติบโตสูงอยู่ โดยเฉพาะ จีน อินเดีย รัสเซีย และ ญี่ปุ่น ที่มีโอกาสขยายทั้งเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งมองว่าอีกนานกว่าตลาดจะอิ่มตัว ที่จะสร้างรายได้อีกมาก
"องค์ประกอบของรายได้มีอยู่แล้ว ทั้งเครื่องใหม่ Seat ใหม่ ปรับคุณภาพการบริการ ยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองกับแต่ละเที่ยวบินรวมทั้งเพิ่มยอดขายผ่านเว็บไซด์ เวลานี้มีสัดส่วนขายผ่านออนไลน์ต่ำกว่าสายการบินอื่นพอสมควร"นายสรจักร กล่าว
นายสรจักร ยอมรับว่า การบินไทยมีเรื่องการเมืองเพราะเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีตัวแทนจากกระทรวงต่างๆเข้ามา จึงยากที่เหลีกเลี่ยงเรื่องการเมือง ก็ต้องมีการเมืองระดับหนึ่ง แต่นายสรจักรปฏิเสธเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าได้รับใบสั่งทางการเมือง โดยยืนยันว่าสมัครใจเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ เพราะเป็นคนที่ใจรักเกี่ยวกับการบินและเครื่องบินมาตั้งแต่เด็ก
อนึ่ง นายสรจักร ได้รับการสรรหาคนเดียวในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI โดยจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือน ก.พ.58 หรือ ระยะเวลา 2 ปี 5 เดือน เพราะอายุครบ 60 ปี จึงไม่ได้นั่งตำแหน่งนี้ครบ 4 ปี โดยจะมีประเมินผลการทำงานทุกๆ 6 เดือน ประเมินครั้งแรก มิ.ย.56 และก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บมจ.อสมท.(MCOT) มาก่อน