นายอติ อติกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตราสารอนุพันธ์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)(MBKET)กล่าวว่า ดัชนี SET50 ในช่วงไตรมาส 4/55 มีโอกาสปรับขึ้นได้ แต่ต้องยังระวังการปรับฐาน ซึ่งเชื่อว่าคงจะลงไม่แรง และเงินทุนจากต่างประเทศยังน่าจะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย
นายอติ มองว่า การปรับตัวขึ้นของดัชนี SET50 Index ในไตรมาส 4/55 คงไม่เป็นการปรับขึ้นที่แข็งแกร่ง เพราะขึ้นมาตามหุ้นขนาดกลางและเล็กเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มสื่อสาร พาณิชย์ และอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่หุ้นกลุ่มหลักที่นำตลาดอย่างกลุ่มแบงก์และพลังงาน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าดัชนี SET50 ยังขึ้นมาแบบเปราะบาง
ทั้งนี้ มองแนวรับดัชนี SET50 ที่ 850 จุด เพราะหุ้นที่ราคาปรับขึ้นมาถือว่าเต็มมูลค่า ดูจาก PE และผลประกอบการในไตรมาส 4/55 และในปีนี้สะท้อนในราคาไปหมดแล้ว ยกเว้นแต่ว่าในปี 56 จะมีเซอร์ไพร์สมีผลประกอบการดีขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะมีการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย ก็คงจะทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาได้
และมองประเด็นเรื่องเงินทุนต่างประเทศ(Fund Flow)ยังน่าจะโยกเข้าตลาดหุ้นไทยได้อีก โดยเฉพาะเข้ามาลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผลสูง ซึ่งราคายังปรับขึ้นมาได้ดี เนื่องจากเมื่อสหรัฐใช้มาตรการ QE3 กองทุนที่ถือตราสารหนี้หรืออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐขายสินทรัพย์ออกมา ซึ่งกองทุนเหล่านี้ชอบลงทุนในหุ้นปันผลสูง
สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยถ้าเทียบ SET Index ในขณะนี้ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 3.28% เทียบกับผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลดอกเบี้ย 3% แต่การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมีความเสี่ยงน้อยกว่า ทั้งนี้ หากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นถึง 1,430 จุดเมื่อใด ผลตอบแทนจากเงินปันผลจะลดลงเหลือ 3% เท่ากับการลงทุนในพันธบัตร เมื่อถึงจุดนั้นความมีเสน่ห์ หรือความน่าสนใจในตลาดหุ้นจะน้อยลง
"มองว่าดัชนีหุ้นไทยจะไม่ปรับฐานแรงเชื่อว่าจะไม่ลงจากการแพนิคเพราะเงินยังล้นระบบโลกอยู่ ถึงดัชนีจะลงก็ลงไม่มาก เพราะการปรับฐานลงของหุ้นถ้าสภาพดอกเบี้ยโลกยังต่ำหุ้นจะลงไม่เยอะ"นายอติ กล่าว