พลัสฯ เครือ SIRI เผย Q4/55 คว้างานบริหารการขาย 5 โครงการใหม่ รวม 4.2 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 10, 2012 15:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในเครือบมจ.แสนสิริ(SIRI)เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้รับบริหารการตลาดและการขายโครงการคอนโดมิเนียม เพิ่มขึ้น 5 โครงการ มูลค่ารวม 4,224 ล้านบาท

ประกอบด้วย 1. โครงการ Pi Condo (พายน์ คอนโด แจ้งวัฒนะ) จำนวน 77 ยูนิต มูลค่าโครงการ 135 ล้านบาท 2. โครงการ We Condo (วี คอนโด เอกมัย-รามอินทรา) จำนวน 1,168 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท 3. โครงการ Living Nest (ลีฟวิ่ง เนสท์ รามคำแหง 85) จำนวน 511 ยูนิต มูลค่าโครงการ 812 ล้านบาท 4. โครงการ Wire Condo (ไวร์ คอนโด รัชดา 19) มูลค่า โครงการ 144 ล้านบาท และ 5. โครงการคอนโดมิเนียมย่านปิ่นเกล้า จำนวน 432 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,033 ล้านบาท

ในปี 2555 มีการเกิดใหม่ของโครงการคอนโดมิเนียมที่เสนอขาย สู่ตลาดจำนวนมาก สืบเนื่องจากการชะลอการเปิดจากช่วงอุทกภัยที่ผ่านมา โดยโครงการที่พัฒนาใหม่ส่วนใหญ่ จะกระจายตัวอยู่ตามรอยต่อระหว่าง กรุงเทพฯและปริมณฑล โดยเฉพาะในส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่ปัจจุบันมี ความต้องการของตลาดสูง ส่งผลให้เกิดการขยับราคาจากเดิมเพิ่มขึ้นประมาณ 40% ในส่วนของทำเลยอดนิยม ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากการประกาศใช้ "ผังเมืองกรุงเทพมหานคร" ในปี 2556 ก็ถือเป็นตัวแปรที่สำคัญ ที่ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ คึกคักทั้งในส่วนโครงการใหม่และโครงการรีเซลหลังจากผู้บริโภค ตัดสินใจซื้อก่อนจะมีการปรับราคา

นอกจากนี้ ประเด็นที่ถูกหยิบยกมาวิเคราะห์คือตัวแปรเรื่อง "ประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน (AEC)" ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างดีมานด์เพราะเมื่อเกิดการรวมตัว กรุงเทพฯ จะเป็นศูนย์กลางในการขนส่งสินค้าและบริการในภูมิภาค เนื่องจากมีระบบขนส่งที่ดีและมีทำเลที่ตั้งอยู่ศูนย์กลาง ของภูมิภาค ส่งผลให้บริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น เกิดการขยายตัวด้านตลาดแรงงาน ทำให้มีผู้บริหารทั้งระดับสูงและระดับกลางจากชาติต่างๆ เข้ามาปฏิบัติงานในเมืองไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้บริหารมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดมิเนียม เนื่องจากกฎหมายเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติซื้อคอนโดมิเนียมได้ไม่เกิน49%ของจำนวนหน่วยทั้งหมดในโครงการนั้นๆ

"สำหรับราคาคอนโดที่ต่างชาติซื้อ จะอยู่ในระดับราคาประมาณ 3-5 ล้านบาท ในย่านธุรกิจ รวมทั้งแนวรถไฟฟ้า โดยปัจจุบันได้มีผู้ที่ตระหนักถึงปัจจัยข้างต้นและเริ่มมีการซื้อคอนโดเพื่อเก็บเกี่ยวผลตอบแทนในช่วงเปิด AEC แล้ว ส่งผลให้ราคาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่และรีเซล มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด" นางสาวสมสกุล กล่าว

หลังจากปี 2555 คงเห็นการเกิดใหม่ของโครงการคอนโดมิเนียมรอบนอก กทม. มากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 ทำเลหลัก ประกอบด้วย ย่านแจ้งวัฒนะ-งามวงศ์วาน, ย่านอ่อนนุชขแบริ่ง และรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายย่านฝั่งธนบุรี สำหรับบริเวณอ่อนนุช-แบริ่งที่โครงการกระจุกตัวบริวณอ่อนนุช อุดมสุข และบางนาจำนวนมาก ส่วนย่านเกาะรถไฟฟ้าตากสิน-วงเวียนใหญ่ที่ปัจจุบันกำลังจะเปิดอีก 2 สถานีใหม่ คือ โพธ์นิมิตรและรัชดา-ราชพฤกษ์ ในช่วงปลายปีนี้จึงมีผู้ประการรายใหญ่หลายรายวางแผนเปิดโครงการใหม่ อย่างคึกคักอีกครั้ง

ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ประมาณ 35,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากปี 2554 โดยคาดว่าตลอดปี 2555 น่าจะมีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ราว 50,000 ยูนิต อย่างไรก็ตาม ความต้องการคอนโดคอนโดมิเนียมขนาดเล็กในย่านกลางเมืองยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ส่วนคอนโดมิเนียมระดับ ไฮเอนด์ ยังมีความต้องการของตลาดด้วยเช่นกันซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อลงทุน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีคอนโดระดับไฮเอนด์หลายแห่งที่สามารถปิดการขายด้วยราคาสูงสุดระดับ 160,000-200,000 บาทต่อ ตารางเมตร จากการสำรวจโครงการที่ขึ้นใหม่ในช่วงครึ่งแรกปีนี้พบว่า ส่วนใหญ่จะเปิดย่านรัชดา-ห้วยขวาง รองลงมาเป็นช่วงสุขุมวิทตอนปลายหรือตั้งแต่ซอยสุขุมวิท 101 ขึ้นไป โดยย่านรัชดาภิเษกพบว่ามีการเปิดตัว คอนโดมิเนียมใหม่รวม 8,000 ยูนิต ขณะที่สุขุมวิทตอนปลายมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่รวม 7,000 ยูนิต

นอกจากตลาดคอนโดมิเนียมจะเติบโตอย่างมากในเขตเชื่อมต่อกรุงเทพฯและปริมณฑลแล้ว การขยายตัวของเมืองไปยังพื้นที่รอบนอกมากขึ้นนั้นทำให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเมินว่า ในอนาคตอันใกล้นี้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยจะมีการเกิดใหม่ของ แหล่งธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งจะเกิดการลงทุนทั้งในส่วนของกลุ่มออฟฟิศเช่า โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ศูนย์ความบันเทิง คอมมูนิตี้มอล์ล ซึ่งจะทำให้พื้นที่ในย่านดังกล่าวเป็นแหล่งลงทุนและเกิดเม็ดเงินสะพัด

ส่วนด้านแนวโน้มการเติบโตนับจากนี้ ตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง-ล่าง ยังคงไปได้ดีเหตุเพราะผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ยังมีจำนวนน้อย และความต้องการของตลาดยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยทำเลที่น่าจะเป็นเป้าหมายของผู้บริโภคได้แก่ 1. ตามแนวรถไฟฟ้าทั้งเส้นทางใหม่ๆและส่วนต่อขยาย ประกอบด้วย สาทรตัดใหม่, อ่อนนุช-แบริ่ง, บางใหญ่-บางซื่อ, 2. สุขุมวิทศูนย์กลางธุรกิจ เป็นพื้นที่ที่ กลุ่มชนต่างชาตินิยมพักอาศัย จึงทำให้พื้นที่นี้เติบโตดีทั้งอุปทานอุปสงค์และราคา

3. Airport Link พื้นที่ตลอด แนว Airport Link ก็เป็นอีกทำเลหนึ่งที่ได้รับความนิยม หลังจากที่โครงการรถไฟฟ้า Airport Link เปิดให้บริการ เช่น ถนนรามคำแหง คลองตัน พระราม 9 และ อโศก-เพชรบุรี เพราะอยู่เกาะแนวรถไฟฟ้า ทำให้ความต้องการ ที่อยู่อาศัยบริเวณนี้เพิ่มขึ้น 4. แจ้งวัฒนะ-รามอินทรา-วัชรพล ที่มีศูนย์ราชการแห่งใหม่เปิดให้บริการ แม้ว่าหน่วยงานราชการจะเปิดให้บริการยังไม่ครบก็ตาม แต่ก็ทำให้มีข้าราชการและลูกจ้างมาทำงานกว่า 50,000 คน และเพิ่มขึ้นอีกกว่า 100,000 คน ประกอบกับ รัฐบาลมีนโยบายลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ปากเกร็ด-แจ้งวัฒนะมีนบุรี ยิ่งทำให้บริเวณถนนแจ้งวัฒนะกลายเป็นทำเลทองแห่งใหม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ