นายบุญเลิศ ใจมั่น ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารการเงิน และนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ล็อกซเล่ย์(LOXLEY)กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ถึงความคืบหน้าในโครงการขายสลากเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ด้วยเครื่องขายสลากอัตโนมัติ(หวยออนไลน์)ว่า ทางบริษัท ล็อกเล่ย์ จีเทคโนโลยี และสำนักงานสลากได้มีการจัดทำแผนปฏิบัติการ(Action Plan)ร่วมกันแล้ว แต่ยังเป็นห่วงการเดินหน้าโครงการเพราะยังไม่มคำสั่งเกี่ยวกับอนุมัติการซื้อขายหวยออนไลน์ที่ชัดเจนเท่านั้น
ขณะนี้บริษัทได้เริ่มสำรวจจำนวนเครื่องขายสลากฯที่ติดตั้งตามพื้นที่ต่างๆ รวม 6,700 เครื่องบ้างแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมหากมีคำสั่งให้เริ่มการซื้อขายที่ชัดเจนขึ้น แต่ไม่ได้เร่งรีบ เนื่องจากการดำเนินการจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น และที่ผ่านมาบริษัทมีการสูญเสียค่าใช้จ่ายมามากแล้วจากการชะลอโครงการมาเป็นเวลานาน
"เรามีแผนที่กองสลากกับเรามีการคุยกันทำเป็น Action Plan เต่สิ่งที่ห่วงคือยังไม่มีคำสั่งอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นอำนาจโดยบอร์ดสลาก ซึ่งตามเงื่อนไขในร่างสัญญาหลังมีคำสั่งให้มีการซื้อขายหวยออนไลน์ ทางเราจะใช้เวลา 90-120 วัน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ซื้อขายได้...การ survey เราก็จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น เราจึงดำเนินการบางส่วนก่อน...ตามที่คุยกันยังเป็น ม.ค.จะเริ่มขายได้ แต่ดูความเป็นไปได้น่าจะ ก.พ. และช้าสุดคือ เม.ย.ปีหน้า" นายบุญเลิศ กล่าว
บริษัทประเมินยอดขายหวยออนไลน์อยู่บนฐานข้อมูลเดิม จากยอดขายหวยบนดินงวดสุดท้ายที่เคยเปิดขาย คือ มียอดขายที่ 2,800 ล้านบาท/งวด โดยส่วนแบ่งรายได้ของล็อกเล่ย์ฯ คงเดิมที่ 0.75 บาท/รายการ(transaction)หรือมีรายได้ราว 1,200-1,500 ล้านบาท/ปี คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 25-30% ซึ่งการขายหวยออนไลน์จะสามารถดึงส่วนแบ่งจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคา และดึงส่วนแบ่งจากการขายหวยใต้ดิน
โครงการขายหวยออนไลน์ จะทำให้ LOXLEY มีกำไรสุทธิราว 150-250 ล้านบาท/ปี จากส่วนแบ่งรายได้จากการถือหุ้นในล็อกเล่ย์จีเทคฯ 35% และยังมีค่าบริหารจัดการอีก 50% หรือเป็นกำไรสุทธิ 60-100 ล้านบาท/ปี ซึ่งไม่รวมการตีกลับรายได้ลูกหนี้เงินกู้ที่ตั้งสำรองไว้หมดแล้ว 700 ล้านบาท
นายบุญเลิศ กล่าวถึงผลดำเนินงานของบริษัทในปี 55 คาดว่ามีรายได้รวมที่ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากงานโครงการด้านสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT Project) โดยงานวางระบบ 3จี ของ บมจ.ทีโอที มูลค่า 5-6 พันล้านบาท ได้รับรู้รายได้ในปีนี้ 30% จากปีก่อนที่รับรู้รายได้แล้ว 40% และจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/56 อีก 30%
ส่วนกำไรสุทธิปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 450 ล้านบาท โดยครึ่งปีหลังกำไรสุทธิอยู่ใกล้เคียงครึ่งปีแรกที่ทำได้ 232 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 3% และปี 56 ตั้งเป้ารายได้อยู่ระดับใกล้เคียงปีนี้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น จาก 3% เป็น 3.5-4% โดยจะพยายามดูแลธุรกิจในมือกว่า 30 ธุรกิจให้สร้างกำไร และอยู่ระหว่างพิจารณาการตัดธุรกิจที่ไม่สร้างกำไรออก
ปัจจุบันมีงานในมือ(backlog)ที่ 7.5 พันล้านบาท รับรู้รายได้ปีนี้ 3 พันล้านบาท และได้งานประมูลวางระบบสายส่งไฟฟ้าโครงการเขื่อนน้ำเงี๊ยบแล้ว มูลค่า 1 พันล้านบาท ส่วนโครงการวางระบบสายส่งไฟฟ้าเขื่อนไซยะบุรี มูลค่างาน 1 พันล้านบาท อยู่ในขั้น short list 2 ราย จะทราบผลภายในปลายปีนี้