บล.เกียรตินาคิน ตั้งเป้าปีนี้มาร์เก็ตแชร์ 2.4-2.45% จากปีก่อน 2.21%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 12, 2012 16:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชาญศักดิ์ ธนเตชา กรรมการผู้จัดการ บล.เกียรตินาคิน(KKS)กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจหลักทรัพย์(มาร์เก็ตแชร์)ในกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ 2.4-2.45% เพิ่มขึ้นจากปี 54 ที่อยู่ในระดับ 2.21% โดย 9 เดือนแรกของปีนี้มีมาร์เก็ตแชร์แล้ว 2.4% และสิ้นปีก็คาดว่าจะทำได้ตามเป้า พร้อมทั้งเชื่อว่ากำไรในปีนี้จะทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 100-110 ล้านบาท เนื่องจากงวด 9 เดือนมีกำไรแล้ว 100 ล้านบาท เมื่อรวมกับไตรมาส 4/55 ก็คาดว่ากำไรน่าจะสูงขึ้นไปอยู่ที่ 120-130 ล้านบาท

ในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก โดยตั้งเป้ารายได้ที่ 400-500 ล้านบาท เป็นไปตามมาร์เก็ตแชร์ที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีสาขาห้องค้า 15 สาขา แต่ในปี 56 ยังไม่มีแผนเพิ่มสาขา และมีทีมมาร์เก็ตติ้ง 170 คน บัญชีลูกค้า 25,000 บัญชี เป็นบัญชีที่เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ 13,000 บัญชี ซึ่งเป็นลูกค้าอินแตอร์เน็ตเทรดดิ้ง 48% และหากรวมอนุพันธ์จะคิดเป็น 50%

ปีหน้าบริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนบัญชีต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนสูงสุด ปีนี้จุดแข็งของบริษัทที่มาร์เก็ตแชร์เพิ่มและมีกำไรดีเพราะแนะนำลูกค้าได้เหมาะสม เช่น ปีนี้แนะหุ้น domestic play ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งก็เป็นไปตามคาด หรืออย่างพอร์ตจำลองที่แนะนำนักลงทุนก็ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 40% ขึ้นไป ขณะที่บางคนก็ได้มากกว่านั้น ทำให้นักลงทุนเข้ามาใช้บริการมากขึ้นหลักดันยอดวอลุ่มเทรดเติบโต

"เพราะปีนี้เรามองว่าหุ้นใหญ่ขึ้นยากเพราะยูโรปอ่อนแอ อเมริกายังไม่ฟื้น จีนชะลอ ถ้า 3 ภูมิภาคนี้ไม่ bullish โอกาสที่จะมีดีมานด์พวกปีโตรฯ พลังงาน ไม่มีแน่ จึงแนะหุ้นขนาดกลางที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศได้ประโยชน์สูง"นายชาญศักดิ์ กล่าว

บล.เกียรตินาคิน ประเมินเป้าหมายดัชนี SET ในปีนี้ที่ 1,451 จุด และมองปี 56 การปรับขึ้นของดัชนียังขึ้นได้อยู่แต่ไม่แรงเพราะฐานดัชนีสูงขึ้นมากจากปี 52 และสูงขึ้นมาราว 25%เทียบกับต้นปี 55 อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/55 นี้ยังเชื่อว่าดัชนี SET จะไปต่อได้ หากปัญหายุโรปยังไม่จบ เศรษฐกิจจีนและสหรัฐยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน ก็จะทำให้สภาพคล่องยังคงไหลเข้าเอเชีย ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย จนกว่าที่จะเห็นสหรัฐและจีนพลิกฟื้นก็อาจจะเห็นเงินทุนไหลออกไป คาดว่าน่าจะเป็นช่วงกลางปี 56 ไปแล้ว

ปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานยังดีอยู่ ดังนั้น การสร้างนักลงทุนอย่างมืออาชีพเป็นสิ่งที่บริษัทมุ่งเน้น จึงได้จัดตั้ง KK iCube (Intelligent ,Investment, Institute) หรือสถาบันให้ความรู้ด้านการลงทุนอย่างครบวงจรขึ้นเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลด้านการลงทุนมากกว่าที่เคยมี

นายชาญศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทก็คาดหวังนักลงทุนหน้าใหม่จะเข้ามาเสริมจุดแข็งกับนักลงทุนที่มีอยู่ หรือนักลงทุนที่พลาดหวัง(บาดเจ็บ)จากโบรกฯอื่นก็มาพิจารณาโครงการเราได้ ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเพิ่มลูกค้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ