ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ต.ค.) หลังจากนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่รวดเร็วเพียงพอที่จะลดอัตราว่างงานลงได้ และหลังจากจีนเปิดเผยยอดการปล่อยเงินกู้ใหม่ที่น้อยเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้บดบังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 269.43 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 7,232.49 จุด ลดลง 49.21 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7232.49 ลบ 49.21 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5793.32 ลบ 36.43 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ในรอบ 5 วันทำการ หลังจากนางลาการ์ดให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของอังกฤษว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วนั้น ยังไม่มากพอที่จะทำให้อัตราว่างงานลดลงได้ นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจของยูโรโซนและสหรัฐยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน และคณะกรรมการกำหนดนโยบายของทั้งสองแห่งจำเป็นต้องใช้มาตรการเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนล็อตใหม่ของจีนในเดือนก.ย.แตะระดับ 6.232 แสนล้านหยวน (9.845 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.539 แสนล้านหยวนจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนล็อตใหม่ในเดือนก.ย.ลดลงจาก 7.039 แสนล้านหยวนในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 83.1 จุด จากระดับ 78.3 จุดในเดือนก่อนหน้า สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะลดลงสู่ระดับ 78 จุด โดยผลสำรวจบ่งชี้ว่าการเพิ่มขึ้นของมูลค่าของตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์จะช่วยให้ผู้บริโภคมีมุมมองในด้านบวกมากพอที่จะออกมาจับจ่ายในช่วงปลายปี
สเวดแบงก์ร่วงลง 2.6% ขณะที่หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่งขึ้น 2.3%