หุ้น TGPRO บวก 1.49% มาอยู่ที่ 0.68 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท มูลค่าซื้อขาย 200.18 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.03 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.68 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.69 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.66 บาท
นายอภินันท์ รัชฏสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ (TGPRO)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ปี 55 บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานชัดเจน หลังธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าประเทศไทย (EXIM Bank) ปล่อยสินเชื่อราว 600 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนซื้อวัตถุดิบเพื่อผลิตและขายท่อแสตนเลส
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น 10-15% ในเดือนพ.ย.-ธ.ค.55 มาที่ 1.2-1.3 พันตัน/เดือน จากปกติอยู่ที่ 1 พันตัน/เดือน ซึ่งจะทำให้ยอดขายในไตรมาส 4/55 เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากสามารถผลิตและส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศ จากก่อนหน้ามีออร์เดอร์เข้ามาแต่ไม่สามารถผลิตและจัดส่งสินค้าได้ เนื่องจากขาดเงินทุนจัดซื้อวัตถุดิบ
"ไตรมาส 4/55 คาดว่าจะขายได้เยอะ เพราะผลิตได้มากขึ้น ปีนี้ตั้งเป้ารายได้จะเติบโต 20% จากปีก่อน ครึ่งแรกทำได้แล้ว 600-700 ล้านบาท...ที่ผ่านมาเรามุ่งเน้นขายเฉพาะในประเทศเพราะสินค้าเราผลิตได้น้อย แต่จากนี้ไปจะขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นโดยปีนี้ตั้งเป้าขายต่างประเทศ 8-10% เริ่มจากไตรมาส 4 นี้ออร์เดอร์ต่างประเทศทยอยเข้ามาแล้ว โดยเฉพาะในเอเชียและอเมริกา และหลังจากนี้ไปเรามีเงินหมุนเวียนแล้วออร์เดอร์ที่เคยได้รับก็จะกลับมาเหมือนเดิม"นายอภินันท์ กล่าว
บริษัทตั้งเป้าใน 3 ปีข้างหน้า(ปี 56-58)จะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 4,000 ตัน/เดือน เพื่อขยายตลาดต่างประเทศได้มากขึ้นรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC จากปัจุบันกำลังผลิต 1,000 ตัน/เดือน ทำให้บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 56 เติบโต 20-30% จากปี 55 จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและลูกค้าเก่ากลับมาสั่งออร์เดอร์ โดยเฉพาะท่อสแตนเลสซึ่งเป็นสินค้าหลัก รวมถึงผลิตแผ่นสแตนเลสเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่ผลกำไรก็จะเติบโตตามยอดขาย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทยังมีขาดทุนสะสมกว่า 90 ล้านบาท แต่ปีนี้คงยังไม่มีการล้างขาดทุนสะสม แม้ครึ่งแรกปีนี้จะมีกำไรราว 90 ล้านบาท แต่เป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้กว่า 40 ล้านบาท จากการชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการหมดแล้วเมื่อไตรมาส 2/55 ส่วนที่เหลือก็จะเป็นกำไรจากการดำเนินงานจริง ดังนั้น ปีนี้จึงเป็นกำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทมีแผนล้างขาดทุนสะสมได้หมดในอีก 1-2 ปี
"ปี 55 เราจะมีกำไรจากการดำเนินงานชัดเจน โดยเฉพาะ 6 เดือนหลังของปีนี้ แต่ถ้าเทียบกับ bottom line ปี 54 ไม่ได้เพราะ ปี 54 bottom line อยู่ที่ 700 กว่าล้านบาท แต่เป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้" นายอภินันท์ กล่าว