บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกจำนวน 129,400,040 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทราวปลายเดือน ต.ค.หรือต้นเดือน พ.ย.และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงต้นเดือน พ.ย.55 โดยจะกำหนดราคาเสนอขายหุ้นหลังจากทำ Book build ก่อนปลายเดือนนี้
นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร SVP Sector Head กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน WHA กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จนถึงสัปดาห์หน้า WHA จะทำการโรดโชว์เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุน หลังจากนั้นจะทำ Book Build เพื่อกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ช่วงก่อนปลายเดือน ต.ค.และจะเปิดให้จองซื้อหุ้นในราวปลาย ต.ค.จนถึงต้น พ.ย. โดยบริษัทคาดว่าจะนำหุ้น WHA เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ราวต้นเดือนพ.ย.ไม่เกินกลางเดือน
ด้านนายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA กล่าวว่า บริษัทมีแผนนำเงินที่ระดมทุนได้ไปใช้ในการขยายธุรกิจ เพื่อขยายโครงการต่างๆและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยหลังการขายหุ้น IPO บริษัทจะมีหนี้สินต่อทุน(D/E)ลดลงเหลือต่ำกว่า 2 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.3 เท่า
บริษัทเชื่อว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิสำหรับผลการดำเนินงานในงวดปี 55 โดยคาดว่ารายได้จากค่าเช่าและบริการในช่วงครึ่งปีหลังจะสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรก ที่มีรายได้ส่วนนี้ประมาณ 180 ล้านบาท เนื่องจากมีพื้นที่เช่าที่จะต้องส่งมอบให้กับลูกค้าราว 1.2 แสนตารางเมตร ขณะที่ครึ่งปีแรกมีรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ราว 1.8 พันล้านบาท ทำให้มีรายได้รวม 1,985.6 ล้านบาท
ณ สิ้นปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมียอดพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเป็น 5.4 แสนตารางเมตร และยังมียอดเช่าพื้นที่ที่รอส่งมอบ(backlog)รอทยอยส่งมอบในปีหน้าอีก 2.5-3 แสนตารางเมตร โดยมองว่าความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า รวมทั้งโรงงานพรีเมียมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่มองว่าไทยเป็น Logistic Hub ในภูมิภาค ทำให้บริษัทมีทั้งลูกค้ารายเก่าและรายใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น
นายแพทย์สมยศ กล่าวว่า บริษัทเตรียมขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอพรีเมี่ยมแฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ฟันด์(WHAPF)มูลค่าประมาณ 2.1 พันล้านบาทช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 56 โดยจะนำพื้นที่เช่าคลังสินค้าและโรงงานทำเลถนนบางนา-ตราดและชลบุรีพื้นที่กว่า 7 หมื่นตารางเมตร ซึ่งจะทำให้กองทุน WHAPF มีทรัพย์สินเพิ่มเป็น 5.3 พันล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีแผนงานจะขายสินทรัพย์เข้ากองทุน WHAPF ปีละ 1 ครั้ง
ปัจจุบัน รายได้ของบริษัทส่วนใหญ่มาจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์คิดเป็นประมาณ 85% ส่วนที่เหลือมาจากรายได้ค่าเช่าและบริการ คาดว่าภายใน 5 ปีสัดส่วนรายได้จากค่าเช่าและบริการจะเพิ่มขึ้นมาใกล้เคียงรายได้จาการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน โดยขณะนี้บริษัทมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% และมีสัญญาเช่าเฉลี่ย 10 ปี โดยตามสัญญากำหนดว่าช่วง 3-5 ปีจะมีการปรับค่าเช่าขึ้น 7-12%