TMB เผย Q3/55 กำไรโต 91.6% จาก Q3/54 ตามรายได้ดอกเบี้ย-มิใช่ดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 16, 2012 14:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย(TMB) กล่าวว่า ในไตรมาส 3/55 ธนาคารมีผลการดำเนินงานหลัก (core operation) ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถเพิ่มรายได้ทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยและมิใช่ดอกเบี้ย ทำให้กำไรสุทธิ 1,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% เมื่อเทียบไตรมาส 2/55 และ 91.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/54 และรอบ 9 เดือนปี 55 มีกำไรสุทธิรวม 3,731 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22.7 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 54

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/55 ธนาคารมีส่วนต่างดอกเบี้ยรับ(Net Interest Margin — NIM) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.82% จาก 2.68% ในไตรมาส 2/55 และ 2.49% ในไตรมาส 3/54 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการตอบรับที่ดีของลูกค้าในผลิตภัณฑ์และการบริหารต้นทุนเงินฝากด้วยการพัฒนาผลิตภัณท์เงินฝากที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งเพื่อการออมระยะยาวและการทำธุรกรรมการเงินที่มุ่งเชื่อมโยงลูกค้าเข้าด้วยกันเพื่อสร้างคุณค่าที่แท้จริง

ขณะเดียวกัน รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้น 7.0% จากไตรมาส 2/55 และ 25.6% เมื่อเทียบไตรมาส 3/54 ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจประกัน(Bancassurance)และค่าธรรมเนียมสินเชื่อ และในไตรมาสนี้ เนื่องจากจากการที่ธนาคารสามารถเพิ่มรายได้มากกว่าการขยายตัวของค่าใช้จ่าย ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้(cost to income ratio) ลดลงเป็น 54.1% จาก 56.9% ในไตรมาส 2/55 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของธนาคารที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในไตรมาส 3/55 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/55 และ 9.6 % เมื่อเทียบกับสิ้นปี 54 โดยเป็นการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กและสินเชื่อรายย่อย ในไตรมาสนี้ สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 12,000 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อรายย่อยเพิ่มประมาณ 3,200 ล้านบาท

ปริมาณเงินฝากของธนาคาร ณ สิ้นไตรมาส 3/55 เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 54 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มของเงินฝากลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะบัญชีเงินฝากไม่ประจำ (No Fixed Account) ขณะที่ปริมาณเงินฝากของไตรมาสนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/55 มีปริมาณเงินฝากลดลงเล็กน้อย หรือ 1.7% เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวของบัญชีเดินสะพัด ของลูกค้าขนาดใหญ่ ในขณะที่เงินฝากของลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก

สินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารและบริษัทย่อยไม่เปลี่ยนแปลงจากสิ้นไตรมาส 2/55 โดยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 28,192 ล้านบาท แต่สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารและบริษัทย่อยลดลงจาก 5.58% มาอยู่ที่ 5.44% สำหรับงบเฉพาะธนาคาร สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 5.06% ในไตรมาสนี้ ธนาคารได้มีการตั้งสำรองทั้งหมดจำนวน 1,195 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 83.3% จาก 79.5% ณ สิ้นไตรมาสที่แล้ว

ณ สิ้นไตรมาส 3/55 ธนาคารดำรงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) อยู่ที่ 18.9% ซึ่งเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 11.63%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ