นางเพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)คาดว่า ปริมาณขายปิโตรเลียมปีนี้จะเติบโตเพียง 4% จาก 2.65 แสนบาร์เรล/วันในปีก่อน ขณะที่เดิมตั้งเป้าว่าจะเติบโต 7% ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการมอนทาราต้องเลื่อนการผลิตออกไปเป็นต้นปี 56
ส่วนปริมาณขายในไตรมาส 3/55 เติบโต 10% จากไตรมาส 2/55 แต่ราคาทรงตัว
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี (56-60) ที่บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำคาดว่าจะประกาศปลายปีนี้ โดยรวมใกล้เคียงกับของเดิม แต่จะเน้นที่นำสินทรัพย์ที่มีอยู่และมีการลงทุนไปแล้วเร่งดำเนินการให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งการเร่งลงทุนเจาะสำรวจเพื่อให้เกิดปริมาณสำรองเพิ่มขึ้น ซี่งก็ต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้นด้วย
บริษัทตั้งเป้าปริมาณสำรองปิโตรเลียม 9 แสนบาร์เรล/วันในปี 63 โดยมาจากการซื้อกิจการ(M&A)ราว 3 แสนล้านบาร์เรล ซึ่งขณะนี้บริษัทมองว่าความจำเป็นในการใช้แนวทาง M&A ไม่จำเป็นต้องทำให้ได้ถึง 3 แสนล้านบาร์เรลแล้ว เพราะการจะทำ M&A แต่ละครั้งต้องมั่นใจว่าดีมีผลผลิตที่คุ้มค่าการลงทุนมากที่สุดในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้น บริษัทจะหันไปเน้นไปลงทุนในของที่มีอยู่แล้วให้เกิดผลผลิตมากที่สุด
"บริษัทจะหันไปเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีอยู่ ทั้งเร่งเจาะ สำรวจ เพื่อเป็นปริมาณสำรองให้มีมูลค่า เพื่อผลิตและขายได้มากขึ้น ขณะที่น้ำหนักดีล M&A จะลดลง"นางเพ็ญจันทร์ กล่าว
กรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)ระบุว่าเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่จะมีการลงทุนเกินตัวจนเกิดฟองสบู่หรือไม่นั้น น.ส.เพ็ญจันทร์ ยืนยันว่า การลงทุนของ PTTEP ไม่เกินตัว เพราะมุ่งเน้นการมีวินัยทางการเงินสำคัญที่สุด และมั่นใจการลงทุนของบริษัทไม่เกิดฟองสบู่แน่ โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างๆ ก็ยังมั่นใจ และเราก็เตือนตัวเองอยู่ตลอด
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมเงินสดขั้นต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องไว้ที่ 600 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อการลงทุนต่างๆ ที่มีเข้ามา ถือว่าเพียงพอไม่มากไม่น้อยเกินไป
ณ สิ้นไตรมาส 3/55 สัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ที่ 0.7 เท่า เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 54 ที่อยู่ในระดับ 0.5 เท่า เพราะการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งระดับดังกล่าวยังอยู่ในกรอบนโยบายของบริษัท