นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อยก่อนสอบทาน สำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.55 มีกำไรสุทธิจำนวน 1,421.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 565.1 ล้านบาท หรือ 66.0% เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 54 สาเหตุหลักเกิดจากส่วนแบ่งกำไรจากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) และกำไรจากการขายหุ้นในบริษัทย่อยแห่งหนึ่งของธนาคาร
เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 55 และปี 54 ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 6,440.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,776.0 ล้านบาท หรือ 38.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ กำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และรายได้จากการดำเนินงานอื่น
สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธินั้นเพิ่มขึ้น 249.8 ล้านบาท หรือ 7.1% โดยเป็นผลจากการขยายสินเชื่อ ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 116.8 ล้านบาท หรือ 25.5% ส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมจากการบริการที่ปรึกษา และค่าธรรมเนียมการจัดการ ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 1,409.4 ล้านบาท หรือ 205.4% เนื่องจากไตรมาส 3/55 ธนาคารมีส่วนแบ่งกำไรจากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของ บสท. และกำไรจากการขายหุ้นในบริษัทย่อยแห่งหนึ่งของธนาคาร
อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย(Net Interest Margin—NIM) ปรับลดลงจากงวด 9 เดือนปี 54 จาก 3.63% เป็น 3.20% ในงวด 9 เดือนปี 55 เนื่องจากการนำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟูฯที่เพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค.55 แต่มีผลย้อนหลังไปถึงเดือน ม.ค.55 นอกจากนี้อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ยลดลงเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของเงินฝากและตั๋วแลกเงินที่เพิ่มสูงขึ้นโดยเป็นผลจากภาวะแข่งขันด้านเงินฝากอย่างรุนแรงในตลาด
ณ วันที่ 30 ก.ย.55 เงินให้สินเชื่อของกลุ่มธนาคาร อยู่ที่ 1.27 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธ.ค.54 ส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของสินเชื่อรายย่อย เงินฝากและตั๋วแลกเงินจำนวน 1.503 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% จากสิ้นปี 54 ซึ่งมีจำนวน 1.344 แสนล้านบาท จากการขยายตัวของสินเชื่อและเงินฝากข้างต้น ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากรวมตั๋วแลกเงินของกลุ่มธนาคาร อยู่ที่ 90.7%
ในงวด 9 เดือน อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ 3.5% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4/54 อยู่ที่ 3.4% อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 ก.ย.55 อยู่ที่ 88.7% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 54 ซึ่งอยู่ที่ 81.7% ตามนโยบายการตั้งสำรองอย่างระมัดระวัง ณ วันที่ 30ก.ย.55 เงินสำรองของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่จำนวน 4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.6 พันล้านบาท
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนปี 55 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 54 เพิ่มขึ้นจำนวน 481.7 ล้านบาทหรือ 13.8% สาเหตุส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารสถานที่และอุปกรณ์ ค่าใช้จ่ายค่าภาษีอากรที่เพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งกำไรจากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของ บสท. และค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการแพ้คดีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 55 อยู่ที่ 61.7% ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 54 อยู่ที่ 76.3%
สำหรับเงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 30 ก.ย.55 มีจำนวน 2.39 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 15.66% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 11.23%