ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) เนื่องนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการภาคเอกชน หลังจากบริษัท กูเกิล อิงค์ เปิดเผยผลกำไรร่วงลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงไม่มากนักเนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลด้านการผลิตและดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 8.06 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 13,548.94 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 3.57 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 1,457.34 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 31.26 จุด หรือ 1.01% ปิดที่ 3,072.87 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ต.ค. ปรับตัวขึ้น 46,000 ราย มาอยู่ที่ 388,000 ราย ซึ่งมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 365,000 ราย อันเนื่องมาจากปัจจัยผันผวนทางเทคนิคในช่วงต้นไตรมาส
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัท กูเกิล เปิดเผยว่า ผลกำไรรายไตรมาสร่วงลง 20% เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นและราคาโฆษณาสินค้าบนเว็บปรับตัวลดลง และหลังจากอินเทล คอร์ป เผยผลประกอบการในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้สุทธิไตรมาส 3 อยู่ที่ 3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 58 เซนต์ต่อหุ้น
ทั้งนี้ หุ้นกูเกิลดิ่งลง 8.01% หุ้นไอบีเอ็มร่วงลง 2.8% หุ้นแอปเปิล อิงค์ ร่วงลง 1.9% หุ้น AOL ปรับตัวลง 1.9% และหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 4.6%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงไม่มากนักเนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า ดัชนีแนวโน้มธุรกิจดีดตัวแรงมาอยู่ที่ระดับ 5.7 ในเดือนต.ค. จากระดับ -1.9 ในเดือนก.ย. บ่งชี้ภาคการผลิตในภูมิภาคดังกล่าวขยายตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. นอกจากนี้ ดัชนีเดือนต.ค.พุ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.0 โดยระดับ 0 ถือเป็นเส้นแบ่งระหว่างการขยายตัวและการหดตัว
ขณะที่คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการอนุญาตก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง โดยดัชนีชี้นำเดือนก.ย.ขยายตัวมากสุดในรอบ 7 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากที่ดัชนีร่วงลงในเดือนส.ค.
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 3.8% แม้ธนาคารเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงเกินคาดก็ตาม โดยมอร์แกน สแตนลีย์ เป็นธนาคารแห่งที่ 6 ที่เปิดเผยผลประกอบการ หลังจากที่ธนาคารหลายแห่งได้เปิดเผยผลประกอบการไปก่อนหน้านี้ รวมถึงโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งเปิดเผยรายได้สุทธิ 1.51 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.85 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับการขาดทุน 393 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.84 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
นักลงทุนจับตาดูสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐซึ่งจะรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.ในวันคืนนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ยอดขายบ้านมือสองอาจจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.70 ล้านยูนิตในเดือนก.ย. จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 4.82 ล้านยูนิต