นายมาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาส 3/55 โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากการขยายตัวของสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในระดับที่สูง และหนี้ด้อยคุณภาพที่ลดลง
กรุงศรีกรุ๊ปมีกำไรสุทธิ 3.76 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 55 กรุงศรีกรุ๊ปมีกำไรสุทธิที่ 10.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 54
สินเชื่อที่มีคุณภาพขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.8% คิดเป็นมูลค่า 28.0 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.55 หรือเพิ่มขึ้น 10.4% คิดเป็นมูลค่า 71.5 พันล้านบาทจากสิ้นเดือน ธ.ค.54 โดยธุรกิจรายย่อยยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ โดยสินเชื่อรายย่อยเติบโต 17.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้
เงินฝากเพิ่มขึ้น 49.9 พันล้านบาท คิดเป็น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 111.8 พันล้านบาท คิดเป็น 19.9% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 54 ขณะที่สัดส่วนของเงินฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายคืนเมื่อทวงถามต่อสัดส่วนเงินรับฝากทั้งหมด เพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 51.9% ณ สิ้นเดือน ก.ย.55 เทียบกับที่ 42.4 % ณ สิ้นเดือน ธ.ค.54
สินเชื่อด้อยคุณภาพปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลง 1.7 พันล้านบาทจากไตรมาส 2/55 โดยปัจจุบันอยู่ที่ 2.65% ของสินเชื่อทั้งหมด ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิยังคงอยู่ที่ระดับ 4.35%.
“ไตรมาส 3 นับเป็นอีกไตรมาสหนึ่งที่ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยสินเชื่อและเงินฝากได้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนถึงความสามารถของธนาคารและบริษัทในเครือในการนำเสนอนวัตกรรมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการรักษาความเป็นผู้นำในตลาด ทั้งนี้ในช่วงเดือนมิถุนายนและสิงหาคมที่ผ่านมา ธนาคารประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝาก “ออมทรัพย์ มีแต่ได้" และ “ออมทรัพย์ จัดให้" โดยสามารถระดมเงินฝากได้สูงกว่า 120 พันล้านบาท ท่ามกลางภาวะการแข่งขันอย่างรุนแรงในตลาดเงินฝาก" นายอาร์โนลด์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/55 ธนาคารยังคงมีมุมมองเป็นเชิงบวกต่อทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการในการบริโภคและลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไตรมาส 4 ของทุกปี ถือเป็นช่วงที่สินเชื่อมักขยายตัวได้สูงที่สุด