โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"BCP เล็งงบฯ Q3/55 พลิกเป็นกำไรหลังค่าการกลั่นฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 19, 2012 11:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) ผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปีนี้คาดว่าจะออกมาดี โดยเฉพาะในไตรมาส 3/55 น่าจะพลิกเป็นกำไร โดยคาดกำไรสุทธิจะอยู่ในช่วง 994-1,565 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/55 ที่มีผลขาดทุน 385 ล้านบาท และยังเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับงวด Q3/54 ที่มีกำไรสุทธิ 604 ล้านบาท เป็นผลจากค่าการกลั่นที่ดีขึ้น และจะมี Stock gain เข้ามา

ส่วนไตรมาส 4/55 คาดว่าผลประกอบการยังดี โดยอาจมีรายการพิเศษจากค่าประกันภัยที่โรงกลั่นไฟไหม้จะเข้ามา และธุรกิจหลักก็ยังดีอยู่ด้วย เพราะค่าการกลั่นมองว่ายังดีอยู่ไปจนถึงสิ้นปี

BCP ยังมีการกระจายความเสี่ยงของรายได้ ด้วยการทำธุรกิจโซลาร์เซลล์ เป็นการลดการพึ่งพารายได้ที่มาจากธุรกิจหลักโรงกลั่นเพียงอย่างเดียว โดยมองว่าธุรกิจโซลาร์เซลล์จะสร้างรายได้ให้กับ BCP ได้ในระยะยาว หากเปิดหมดทั้ง 3 เฟสจะสร้างกำไรให้กับ BCP ในสัดส่วน 30% ของกำไรสุทธิรวม

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ในช่วง 3,851-5,400 ล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วมีกำไร 5,610 ล้านบาท เนื่องจากได้รับแรงถ่วงจาก Stock loss สูงในไตรมาส 2/55 ส่วนปีหน้าคาดกำไรสุทธิในช่วง 4,663-5,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55

นอกจากนี้ BCP ถือได้ว่าเป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(Divident Yield)ที่สูงด้วย โดยคาดว่าปีนี้จะมี Divident Yield ที่ 6.25% และปีหน้าน่าจะอยู่ที่ 7%

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ    ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)   ซื้อ            32.50
          บล.ธนชาต             ซื้อ            31.00
          บล.เคที ซีมิโก้          ซื้อ            30.20
          บล.กรุงศรี             ซื้อ            30.00
          บล.เกียรตินาคิน         ซื้อ            28.00
          บล.ทรีนีตี้              ซื้อ            27.30
          บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง     ซื้อ            27.00
          บล.เอเชีย พลัส         ซื้อ            24.01

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ได้แนะนำ"ซื้อ"หุ้น BCP ด้วยราคาเป้าหมาย 30 บาท/หุ้น เนื่องจากได้มองราคาน้ำมันในไตรมาส 3/55 ที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/55 และค่าการกลั่นก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีด้วย อีกทั้งธุรกิจโซลาร์สามารถสร้างรายได้ให้กับ BCP ได้ในระยะยาว

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังปีนี้กลุ่มโรงกลั่นน่าจะ Outperform กว่าตลาดฯ ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้คาดว่าผลประกอบการของ BCP จะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก คาดงวดไตรมาส 3/55 จะมีกำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท ฟื้นตัวจากขาดทุนในไตรมาส 2/55 และยังเป็นการเติบโต 100% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนด้วย เป็นผลจากคาดว่าจะมี stock gain และธุรกิจโรงกลั่นดีตามค่าการกลั่นสูงขึ้น โดยค่าการกลั่นเฉลี่ยในไตรมาส 3/55 อยู่แถวๆ 11 เหรียญฯ/บาร์เรล

สำหรับผลประกอบการปีนี้คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 5,400 ล้านบาท นอกจากนี้ BCP ถือได้ว่าเป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(Divident Yield)ที่สูงด้วย โดยคาดว่าปีนี้จะมี Divident Yield ที่ 6.25% และปีหน้าน่าจะอยู่ที่ 7%

ด้านนายเบญจพล สุทธิ์วนิช รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ช่วงครึ่งหลังปีนี้คาดว่าผลประกอบการ BCP จะออกมาดี โดยเฉพาะไตรมาส 3/55 คาดมีกำไรสุทธิ 1,565 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/55 ที่มีผลขาดทุน 385 ล้านบาท และยังเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 604 ล้านบาท เป็นผลจากค่าการกลั่นที่ดีขึ้น ทำให้ธุรกิจโรงกลั่นช่วงครึ่งปีหลังมีมุมมองเป็นบวก และคาดว่าไตรมาส 3/55 จะมี Stock gain เข้ามาด้วย

ส่วนไตรมาส 4/55 คาดว่ายังมีผลประกอบการที่ดี แม้ว่าอาจจะไม่มี stock gain เพราะคิดไปแล้วเมื่อไตรมาส 3/55 แต่ก็ยังมีรายการพิเศษจากค่าประกันภัยโรงกลั่นไฟไหม้เข้ามา และธุรกิจหลักก็ยังดีอยู่ด้วย เพราะค่าการกลั่นมองว่ายังดีอยู่ไปจนถึงสิ้นปี

นอกจากนี้ BCP ยังมีการกระจายความเสี่ยงของรายได้ ด้วยการทำธุรกิจโซลาร์เซลล์ ซึ่งเป็นการลดการพึ่งพารายได้ที่มาจากธุรกิจหลักโรงกลั่นเพียงอย่างเดียว โดยมองว่าธุรกิจโซลาร์เซลล์จะสร้างรายได้ให้กับ BCP ได้ในระยะยาว ซึ่งหากเปิดหมดทั้ง 3 เฟสจะสร้างกำไรให้กับ BCP ในสัดส่วน 30% ของกำไรสุทธิรวม

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 3,851 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วที่มีกำไร 5,610 ล้านบาท เนื่องจากได้รับแรงถ่วงจาก Stock loss ที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2/55 จำนวนมาก ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 4,663 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.5% จากปี 55

ส่วน บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น BCP โดยได้ปรับราคาพื้นฐานเป็นปี 56 ที่ 32.50 บาท อิงบน P/BV ที่ 1.25 เท่า และเทียบเป็น P/E ที่ 7 เท่า เป็นระดับต่ำกว่าโรงกลั่นอื่น ๆ

ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิ 3Q55 อยู่ที่ 994 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.5% y-y และดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาที่ขาดทุน โดยกำไรที่ดีขึ้นมากมาจาก Base GRM+Hedging ปรับเพิ่มขึ้น 163.7% y-y, 62.2% q-q เป็น 8.9 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และคาดมีกำไรจากสต็อคน้ำมันที่ 3.75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 892.9% y-y และจากไตรมาสที่ผ่านมาขาดทุน 8.29 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นทำให้บริษัทกลับรายการขาดทุนจากตีมูลค่าสินค้าคงคลังจำนวน 1,063 ล้านบาท มาเป็นกำไร

ส่วน 4Q55 คาดโรงกลั่นกลับมาเดินเครื่องปกติ บันทึกกำไรพิเศษ และรับรู้โรงไฟฟ้าเต็มไตรมาส หนุนให้กำไรโดดเด่นสุดในกลุ่ม พร้อมมองระยะ 3 ปี 57-59 มีปัจจัยบวกจากแผนเพิ่มขีดความสามารถการกลั่น และลดความผันผวนของกำไร โดยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากโรงไฟฟ้า

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 4,261 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วที่มีกำไร 5,610 ล้านบาท ส่วนปี 56 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 5,399 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ