สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)คาดว่า ในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปี 55 ช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.55 บริษัทเอกชนจะออกหุ้นกู้ใหม่ประมาณ 90,000-100,000 ล้านบาท และจะทำให้ยอดรวมของหุ้นกู้ออกใหม่ของบริษัทเอกชนทั้งปี 55 อยู่ที่ประมาณ 4.5-4.6 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นระดมทุนของภาคเอกชนที่มากที่สุด ตั้งแต่มีตลาดตราสารหนี้ไทย
"ในช่วงที่เหลือ 3 เดือนในปีนี้ เราได้ survey จากบริษัทพบว่าเตรียมออกตราสารหนี้ใหม่อีก 1 แสนล้านบาท ยังไม่รวมที่ยังไม่ออกข่าว ทำให้ทั้งปีจะมีตราสารหนี้ออกใหม่ อย่างน้อย 4.5-4.6 แสนล้านบาท ทุก sector มีการระดมทุนเพิ่ม"นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าว
ในช่วง 9 เดือนแรกปี 55 มีการออกหุ้นกู้ใหม่ มูลค่ารวม 360,300 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 145% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีการออกหุ้นกู้ใหม่ 147,340 ล้านบาท ทั้งนี้ ในงวด 9 เดือนแรกนี้ส่วนใหญ่เป็นระดมทุนจากธนาคารพาณิชย์ กว่า 1.2 แสนล้านบาท หรือ 1 ใน 3 ของหุ้นกู้ที่ออกใหม่ โดยเป็นการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ เพื่อนำไปนับเป็นเงินทุนสำรองขั้นที่ 2 และเตรียมรองรับการขยายตัวของสินเชื่อ
ขณะที่การซื้อขายในตลาดรองพบว่าช่วง 9 เดือนแรกปี 55 มีมูลค่า 15.17 ล้านล้านบาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน(ไม่รวมตราสารหนี้ระยะสั้นอายุน้อยกว่า 1 ปี)อยู่ที่ประมาณวันละ 20,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103% จากงวดเดียวกันของปี 54 ที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 10,172 ล้านบาท และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีมูลค่าการซื้อขายจะใกล้เคียง 2 หมื่นล้านบาท/วัน
นอกจากนี้ ยังพบว่าตลาดตราสารหนี้เป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ โดยในช่วง 9 เดือนแรกปี 55 นักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิกว่า 751,800 ล้านบาท แต่หากพิจารณาเฉพาะตราสารหนี้ที่มีอายุมากกว่า 1 ปี พบว่านักลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิประมาณ 191,500 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดการถือครองตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้น ก.ย.55 ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 702,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 54
นายนิวัฒน์ กล่าวว่า ช่วง 9 เดือนแรกปี 55 อัตราผลตอบแทนปรับสูงขึ้น 10-20 bp แต่หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโนบายลง 25 bp เมื่อ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวปรับลด 10-20 bp โดยปัจจุบันอัตราผลตอบแทนใกล้เคียงกับต้นปี 55 หรือสิ้นปี 54 และในช่วงที่เหลือของปี 55 แนวโน้มอัตราผลตอบแทนจะปรับลดลงตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศ และแรงซื้อนักลงทุน
"ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่านักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แม้ว่า กนง.จะปรับลดดอกเบี้ย ในวันแรกที่ปรับลดดอกเบี้ยก็เห็นต่างชาติขายสุทธิ แต่วันต่อมากลับมียอดซื้อสุทธิต่อเนื่อง"นายนิวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยของไทยในปัจจุบันยังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ จึงมีแนวโน้มนักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อขายต่อเนื่อง ส่วนการออกมาตรการ QE3 ทั้งช่วงก่อนและหลังมาตรการไม่ได้ทำให้การลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยเปลี่ยนแปลงมากนัก
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ ในช่วง 9 เดือนของปี 55 มีการขยายตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนทั้งในส่วนตลาดแรก และตลาดรอง โดยมีมูลค่าคงค้าง(Outstanding) ของตราสารหนี้ทุกประเภทรวมกัน ณ สิ้นก.ย. 55 เท่ากับ 8.28 ล้านล้านบาท หรือปรับตัวขึ้น 16% เมื่อเที่ยบกับสิ้นปี 54 มาจากภาครัฐและเอกชน ระดมเงินผ่านตราสารหนี้ระยะยาวมากขึ้น