นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวลงถ้วนหน้าประมาณ 0.3-1% อันเป็นผลจากตลาดสหรัฐฯได้ปรับตัวลงแรง ภายหลังจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาน่าผิดหวังหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็น บริษัท จีอีฯ, แมคโดนัลด์, ไมโครซอฟ เป็นต้น
นอกจากนี้ ผลการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป(อียู)ที่เกิดขึ้นเมื่อ 18-19 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ายังไม่สามารถจะตกลงกันได้ในการช่วยเหลือสเปน แม้จะมีการจัดตั้งหน่วยกำกับดูแลภาคธนาคารในภูมิภาคยุโรปออกมาก็ตาม แต่นักลงทุนคาดหวังการช่วยเหลือโดยตรงไปยังประเทศที่มีปัญหามากกว่า
พร้อมให้แนวรับ 1,290-1,295 จุด แนวต้าน 1,314 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(19 ต.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,343.51 จุด ลดลง 205.43 จุด(-1.52%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,433.19 จุด ลดลง 24.15 จุด(-1.66%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,003.62 จุด ลดลง 67.24 จุด(-2.19%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 128.16 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 111.75 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 75.52 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 32.86 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 17.44 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 0.08 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.08 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 12.60 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(19 ต.ค.)ที่ระดับ 1,307.71 จุด ลดลง 3.50 จุด(+0.27%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,062.26 ล้านบาทเมื่อ 19 ต.ค.55
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุดที่ 90.05 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 2.05 ดอลลาร์หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ล่าสุด(19 ต.ค.)ปิดทำการที่ 6.9 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดเช้านี้ 30.73/74 ตลาดยังกังวลปัญหายูโร-รอปัจจัยใหม่
- สรท.คาดส่งออกน่าห่วง คาดปีนี้โต 4.6% จับตาตัวเลขเดือน ก.ย. พาณิชย์แถลง 24 ต.ค.นี้ หากติดลบ ส่อสัญญาชะลอตัวถึงไตรมาส 1 ปีหน้า จากตลาดสหรัฐ-อียูยังแย่ แม้ตลาดเอเชียมีแนวโน้มขยายตัว ด้าน ส.อ.ท.ไม่มั่นใจเศรษฐกิจโลก ประเมิน การส่งออกรถยนต์ปีหน้าใกล้เคียงปีนี้ ขณะกลุ่มเครื่องนุ่งห่ม-รองเท้า กระเตื้องปีหน้า
- นักเศรษฐศาสตร์ชี้มีแนวโน้มดอกเบี้ยลงอีก 0.25% สิ้นปีนี้ หรือครึ่งแรกปีหน้า ส่วนการลดดอกเบี้ยล่าสุดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการลงทุน ลดภาระหนี้ภาครัฐ สแตนชาร์ต มองนโยบาย ส่งผลดีต่อธุรกิจขนาดใหญ่ได้เร็ว ห่วงตลาดหุ้นผันผวนมากขึ้นจากทุนเคลื่อนย้าย อาจมีการปรับฐาน ประเมินพันธบัตรน่าสนกว่าหุ้นตอนนี้
- แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เผยแนวโน้มค่าไฟฟ้าปี 2556 จะยังทรงตัวในระดับสูง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนจะทะลุ 4 บาท/หน่วยจากขณะนี้อยู่ที่ 3.71 บาท/หน่วยเป็นการประเมินจากต้นทุนเชื้อเพลิง เนื่องจากหลายฝ่ายคาดการณ์ทิศทางน้ำมันดิบตลาดโลกที่เคลื่อนไหวสูงขึ้นในระดับ105-110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยจะสะท้อนไปยังราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าถึง 72% ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
- อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้หารือกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังขอเปลี่ยนอัตราภาษีเงินได้ของคณะบุคคล เป็น 20% จากปัจจุบันที่เสียเป็นขั้นบันไดเหมือนบุคคลธรรมดา
- เลขานุการประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เผยสมาคมโทรคมนาคมไทยได้ขอให้บอร์ด กทค. พิจารณาปรับลดค่าธรรมเนียมรายปีใบอนุญาตให้บริการ(ไลเซนส์)3จี 2.1 กิกะเฮิรตซ์ จาก 2% เหลือ 1% สำหรับผู้ได้รับไลเซนส์ที่เลือกใช้อุปกรณ์ติดตั้งโครงข่าย เช่น ไฟเบอร์ออปติก เราเตอร์สวิตช์ ของบริษัทในประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยในประเทศได้มีส่วนแบ่งจากการขยายโครงข่าย 3จี และเพื่อไม่ให้เม็ดเงินไหลออกนอกประเทศจากการที่ผู้ให้บริการหันไปเลือกใช้อุปกรณ์จากประเทศจีนและเกาหลีใต้
*หุ้นเด่นวันนี้
- RML(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 2.20 บาท คาดกำไรเติบโตต่อเนื่องใน 3Q55 (+120% QoQ) และจะก้าวกระโดดใน 4Q55 แรงหนุนบันทึกรายได้โครงการ The River ส่งผลปีนี้รายได้โต 551% YoY พลิกเป็นกำไร 1,131 ล้านบาท Backlog มีกว่า 20,000 ล้านบาทหนุนปี 56 รายได้และกำไรสุทธิเติบโต 18% YoY และ 25% YoY
- BTS(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)เป้า 7.00 บาทคาด 2Q55/56 รายงานกำไรปกติ 339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% QoQ และ 24% YoY ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 6 จาก 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจให้บริการเดินรถไฟฟ้า และธุรกิจโฆษณาที่มีแนวโน้มว่ารายได้จะสูงทำสถิติใหม่ทั้งคู่ มองโมเมนตัมกำไรปกติที่ดี, โอกาสของเงินปันผลระหว่างกาล และแนวโน้มบวกในระยะยาว จูงใจให้ผู้ใช้สิทธิฯถือหุ้น BTS เพื่อลงทุนในระยะยาวต่อไป การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นโอกาสในการสะสมลงทุนระยะยาว
- AH (เกียรตินาคิน)"ซื้อ"คาด 3Q55 เป้า 24.50 บาท ยังคงแข็งแรงต่อเนื่องตามการเติบโตอุตฯยานยนต์ไทยที่ยอดผลิตรถยนต์ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง 3Q55 เพิ่มขึ้นกว่า 37% YoY นอกจากนี้ มีโอกาสที่กำไรจะดีกว่าคาดหากได้รับเงินค่าสินไหมประกันภัยเข้ามาเพิ่มเติมจากที่เรียกร้องไปทั้งสิ้นราว 700 ล้านบาท และได้รับมาก่อนหน้านี้แล้วรวม 320 ล้านบาท
- INTUCH(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 79 บาท ประเด็นเก็งกำไรระยะสั้นอยู่ที่ผลงาน Q3/55 แม้มีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย 1% QoQ แต่เทียบ YoY จะเพิ่มขึ้นถึง 35% หรือราว 3.42 พันล้านบาท(คาดประกาศ 13 พ.ย.55)ตามแนวโน้มกำไรบริษัทลูก โดยเฉพาะ THCOM ที่กำไรสุทธิจะโต 15% QoQ และ 724% YoY และระยะยาวการร่วมลงทุนในบริษัท อุ๊คบี จะมีแนวโน้มเติบโตสูงจากการให้บริการเทคโนโลยี 3G เต็มรูปแบบ