ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เนื่องจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทเอกชนรายใหญ่ได้ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 243.36 จุด หรือ 1.82% ปิดที่ 13,102.53 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 20.71 จุด หรือ 1.44% ปิดที่ 1,413.11 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 26.49 จุด หรือ 0.88% ปิดที่ 2,990.46 จุด
ราคาหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงทั้งกระดาน โดยหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มพลังงานดิ่งลงหนักสุด ขณะที่ดัชนี CBOE ซึ่งเป็นดัชนีวัดความวิตกกังวลและความผันผวนในตลาด พุ่งขึ้นกว่า 10% ปิดที่ระดับกว่า 18 จุด สะท้อนให้เห็นว่าภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากปัจจัยลบที่หลากหลาย รวมถึงผลประกอบการของบริษัทเอกชนและแนวโน้มเศรษฐกิจ
หุ้นดูปองท์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเคมีภัณฑ์ ร่วงลงกว่า 9% ซึ่งร่วงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยเกินคาด แม้ทางบริษัทได้ปรับลดต้นทุนและลดจำนวนพนักงาน 1,500 ตำแหน่งแล้วก็ตาม
หุ้น 3M ดิ่งลง 4.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอและยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปีนี้ด้วย ส่วนหุ้นซีร็อกซ์ ดิ่งลง 5.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 ร่วงลง 12% และความต้องการสินค้าของบริษัทปรับตัวลดลง
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 3.9% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตันร่วงลง 3.2%
หุ้นแอปเปิลร่วงลง 3.26% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลิตภัณฑ์ iPad Mini อย่างไรก็ตาม หุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้นกว่า 8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในคืนวันนี้ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะยังไม่มีการดำเนินมาตรการใดๆ หลังจากที่ได้ตัดสินใจประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในคืนนี้ด้วย โดยในเวลา 20.00 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนต.ค. จากนั้นในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.และดัชนีราคาบ้านในสหรัฐเดือนส.ค.