ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 433,448 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 24, 2012 10:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (15 - 19 ตุลาคม 2555) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม มีมูลค่ารวม 433,448 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 86,689 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ประมาณ 38% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 76% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 330,472 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน)ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 82,034 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 7,818 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19% และ 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB176A (อายุ 4.85 ปี) LB145B (อายุ 1.6 ปี) และ LB155A (อายุ 2.6 ปี) มีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 15,367 ล้านบาท 13,849 ล้านบาท และ 11,349 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB12N06A (อายุ 13 วัน) CB13117B (อายุ 91 วัน) และ CB12N15C (อายุ 28 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 44,631 ล้านบาท 35,291 ล้านบาท และ 21,241 ล้านบาท ตามลำดับ

ทางด้านหุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK137A (A)) มูลค่าการซื้อขาย 797 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ปตท. จำกัด (PTTC195B (AAA)) มูลค่าการซื้อขาย 758 ล้านบาท และ หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส (AYCAL145A (A+)) มูลค่าการซื้อขาย 674 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวลดลงตลอดทั้งเส้น หรือลดลง ในช่วงประมาณ -2 ถึง -23 Basis Point (100 Basis point มีค่าเท่ากับ 1%) หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps. จาก 3.0% สู่ระดับ 2.75% ซึ่งอยู่นอกเหนือความคาดหมายของตลาด ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในตลาด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง ทั้งนี้กนง.ให้เหตุผลของการปรับลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ว่า มีความกังวลเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ ทางด้านสถานการณ์ของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป ยังคงส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนทั้งในตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ไทยต่อไป หลังจากที่ประเทศสเปนถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงไปที่ระดับ Baa3 ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าระดับขยะ (Junk Bond) เพียง 1 ขั้น และยังถูกปรับแนวโน้มเป็นลบ (Negative Outlook) ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ประเทศสเปนจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงได้อีกในอนาคต

ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภทรวมกัน (ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) 5,992 ล้านบาท แต่หากพิจารณาเฉพาะการซื้อขายในตราสารหนี้ระยะยาว (อายุคงเหลือมากกว่า 1 ปี) จะพบว่าเป็นการขายสุทธิ 714 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อย (Individual) ที่ถึงแม้จะมีสัดส่วนการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ค่อนข้างน้อย แต่ในสัปดาห์นี้มียอดซื้อสุทธิ 1,339 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ