ตลท.เผย 9 เดือน หุ้นไทยยังน่าสนใจ ทำวอลุ่มซื้อขายที่ 3 หมื่นลบ./วัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 24, 2012 16:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ช่วง 9 เดือนปี 55 ผลงานบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันของ SET และ mai ยังคงสูงอยู่ในระดับต้นของภูมิภาคต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 30,601 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณการซื้อขายตลาดตราสารอนุพันธ์ช่วง ม.ค—ก.ย.55 อยู่ที่ 7,727,239 สัญญา หรือเฉลี่ย 44,178 สัญญาต่อวัน

มีบริษัทและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฯ เข้าจดทะเบียนใหม่ 9 บริษัท และ 5 กองทุน มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 60,851 ล้านบาท และในเดือนตุลาคมนี้ มีบริษัทกำหนดเข้าจดทะเบียน 2 บริษัท นอกจากนี้มีบริษัทที่ยื่นไฟลิ่งแล้ว 12 บริษัท (ณ 10 ตุลาคม 2555) แบ่งเป็นเข้าจดทะเบียนใน SET 4 บริษัท mai 8 บริษัท

สำหรับการผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนระดมทุนเพิ่มและใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อเพิ่มมูลค่ากิจการ 9 เดือนแรกที่ผ่านมา มีบริษัทจดทะเบียน 132 บริษัทที่ระดมทุนเพิ่มโดยมีมูลค่าระดมทุนรวม 81,983 ล้านบาท และมีบริษัทที่ใช้เครื่องมือด้านตลาดทุนในการบริหารจัดการระดมทุนถึง 75 บริษัท โดยเครื่องมือที่บริษัทจดทะเบียนนิยมใช้มากที่สุดยังคงเป็นการจ่ายหุ้นปันผล (Stock Dividend) รวม 33 บริษัท

และในวันที่ 29 ต.ค.ตลาดอนุพันธ์(ประเทศไทย)จะเปิดซื้อขาย SET50 Futures และ SET50 Options โฉมใหม่ ซึ่งปรับปรุงลักษณะของสัญญาให้สอดคล้องกับ Index Futures ที่มีการซื้อขายในตลาดแถบภูมิภาคเอเชีย โดย SET50 Futures และ Options จะมีสัญญาที่ครบกำหนดอายุรายเดือนเพิ่มขึ้น และ SET50 Options ยังจะมีสัญญาที่ครบกำหนดอายุสั้นลง และมีช่วงห่างราคาใช้สิทธิเพิ่มขึ้น เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถบริหารความผันผวนของดัชนีหลักทรัพย์ที่มักเกิดขึ้นในระยะสั้นได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ จะเปิดซื้อขาย Sector Futures ที่อ้างอิงกับดัชนีหมวดธุรกิจจำนวน 5 หมวดธุรกิจ ได้แก่ หมวดธนาคาร(BANK) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) พลังงาน (ENERG) อาหารและเครื่องดื่ม (FOOD) และพาณิชย์ (COMM) ซึ่งล้วนเป็นหมวดธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการบริหารพอร์ตการลงทุน และเสริมกลยุทธ์การลงทุนในแต่ละหมวดธุรกิจได้อย่างสะดวก ในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ด้วย

ด้านการขยายฐานผู้ลงทุนบุคคล ตลท.ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องร่วมกับธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ ส่งผลให้มกราคม — กันยายน 2555 มีจำนวนบัญชีผู้ลงทุนรายบุคคล 763,374 บัญชี หรือเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2554 จำนวน 63,149 บัญชี สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ณ สิ้นปี 2555 ที่ 740,000 -750,000 บัญชี ขณะที่จำนวนบัญชีอนุพันธ์ มีจำนวน 74,057 บัญชี เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2554 จำนวน 13,757 บัญชี ซึ่งคาดว่าภายในไตรมาส 4 จะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 80,000 บัญชี ส่วนสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายผ่าน online ในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วน 52.50% ของมูลค่าการซื้อขายรวมของผู้ลงทุนรายบุคคล ซึ่งบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 3/55 ตลท.มีการพัฒนาธุรกิจบริการหลังการซื้อขายอย่างต่อเนื่องให้ครบวงจร ได้แก่ การพัฒนาระบบงานปฏิบัติการ (Daily Operation) ด้วยการพัฒนาระบบ PTI Direct Connect เพื่อให้รองรับการปฏิบัติงานในรูปแบบ Straight Through Processing (STP) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และลดขั้นตอนการทำงานด้านหลังการซื้อขายแก่บริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งได้เริ่มให้บริการตั้งแต่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งการพัฒนาระบบงานและกฎเกณฑ์รองรับการทำหน้าที่ชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์โดยบุคคลที่สาม (Third Party Clearing) ที่เริ่มให้บริการตั้งแต่ 1 ต.ค.55

นอกจากนี้ งานธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (securities borrowing and lending: SBL) ได้จัดตั้งกระดานแสดงหลักทรัพย์ที่มีไว้เพื่อการให้ยืม (Lending Pool) รวมทั้งศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ (TSD) จะเข้าเป็นคู่สัญญากับผู้ยืมและผู้ให้ยืมเมื่อมีการจับคู่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขออนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. คาดว่าจะเริ่มให้บริการ SBL สำหรับหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่ม SET50 ในไตรมาส 1/56

ตลท.ยังมีการพัฒนาส่งเสริมงานพัฒนาตลาดทุนระยะยาว ดังนี้ 1.) ส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนเดินหน้าสู่มาตรฐาน ESG (Environment, Social and Governance) เพื่อพัฒนาและเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจให้แข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยได้จัดทำแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมพร้อมจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อให้บริษัทจดทะเบียนนำไปใช้ปฏิบัติภายในองค์กร

2.) ให้ความสำคัญกับการยกระดับความรู้แก่ผู้ลงทุนและผู้ประกอบวิชาชีพ ได้แก่ (2.1) จัดโครงการกระตุ้นให้เกิดผู้ลงทุนหน้าใหม่เข้าสู่ตลาดทุน “ออมไว้ในหุ้น by TSI" โดยมีผู้สมัครร่วมโครงการ 7,551 คน (2.2) จัดโครงการ Employee’s Choice@ Workplaces เพื่อการวางแผนทางการเงินเพื่อการเกษียณและเพิ่มพูนเงินออมผ่านการเลือกนโยบายการลงทุนที่เหมาะสม โดยมีสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเข้าร่วมอบรม 6,840 คน (2.3) การพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพ ได้จัดโครงการสร้างผู้แนะนำการลงทุนรุ่นใหม่ (New Investment Consultants: NIC@Brokers) เพื่อสร้างต้นแบบผู้แนะนำการลงทุนรุ่นใหม่แก่บริษัทหลักทรัพย์ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาชีพผู้แนะนำการลงทุนที่มีมาตรฐานสูง พร้อมยกระดับคุณภาพการทำงานผู้แนะนำการลงทุนรุ่นใหม่ ให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

"ช่วงไตรมาส 3 ในขณะที่ตลาดทุนทั่วโลกชะลอตัวจากผลกระทบของปัญหาด้านเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และยุโรป ตลาดหลักทรัพย์ไทยกลับมีปัจจัยบวกสนับสนุนหลายด้าน จากสภาพคล่องทางการเงินในตลาดทุนโลกที่เพิ่มขึ้น จากตัวเลขผลประกอบการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai ซึ่งมีการจ่ายเงินปันผลสูงต่อเนื่อง และตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สะท้อนโอกาสเติบโตของเศรษฐกิจไทย จึงส่งผลให้สามารถสร้างสถิติสูงสุดในด้านต่างๆ" นายจรัมพรกล่าว

นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลท. กล่าวว่า ภาพรวมไตรมาส 3/55 แม้ว่าตลาดทุนทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ แต่สภาพคล่องส่วนเกินในตลาดทุนโลกที่เพิ่มขึ้นจากการใช้นโยบายการเงินแบบขยายตัวของสหรัฐอเมริกาและยุโรป ประกอบกับบริษัทจดทะเบียนไทยส่วนใหญ่ที่ผลประกอบการยังอยู่ในเกณฑ์ดีได้สนับสนุนให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าและจากสิ้นปี 54 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นสูงสุดในภูมิภาคเอเชีย

ณ สิ้นไตรมาส 3/55 SET Index ปิดที่ 1,298.79 จุด เพิ่มขึ้น 26.67% จากสิ้นปี 54 ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในภูมิภาค และปรับเพิ่มขึ้น 5.81% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ดัชนีหลักทรัพย์ของกลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ยังปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% จากสิ้นปี 54 ขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)ของทั้ง SET และ mai ปรับสูงขึ้นและทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการ โดยของ SET อยู่ที่ 10,775,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.16% จากสิ้นปี 54 และของ mai อยู่ที่ 104,733 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.47% จากสิ้นปี 54

อัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้น (forward P/E ratio) ของไทยสูงขึ้นมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยของ SET อยู่ที่ระดับ 13.87 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 11.59 เท่า ณ ช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ของ mai อยู่ที่ระดับ 13.26 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 10.09 เท่า ณ ช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนอัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET อยู่ที่ 3.45% และ mai อยู่ที่ 2.02%

มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai ในไตรมาส 3/55 อยู่ที่ 31,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.66% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 5.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ในไตรมาส 3/55 ผู้ลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิรวม 1,679 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการซื้อสุทธิในเดือนกันยายน ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกปี 55 ผู้ลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิที่ 65,775 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนมูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 23.93% เมื่อเทียบกับปี 54 ซึ่งอยู่ที่ 22.78%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ