นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า ในปี 55 คาดว่ากำไรจะต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.7 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมีเข้าสู่ขาลง แม้ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างมียอดขายและกำไรดีขึ้น ส่วนรายได้ทั้งปีคาดว่าอยู่ที่ 4.1 แสนล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4 แสนล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนมีรายได้ 3.08 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ
ส่วนกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรก อยู่ที่ 16,668 ล้านบาท ลดลง 31%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมาร์จิ้นธุรกิจปิโตรเคมีลดลง โดยในช่วง 9 เดือนแรกปี 55 สัดส่วนกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีอยู่ที่ 14% ของกำไรสุทธิรวม และรายได้มีสัดส่วน 48% ของรายได้รวม จากช่วง 6 เดือนแรกปี 55 มีสัดส่วนกำไรเพียง 2% ของกำไรสุทธิรวม และยอดขายมีสัดส่วนกว่า 40% ของรายได้รวม
ขณะที่ธุรกิจปูนซิเมนต์ ในช่วง 9 เดือนแรกมีสัดส่วนรายได้ 16% และมีสัดส่วนกำไรถึง 38% รวมทั้งวัสดุก่อสร้างมีสัดส่วนรายได้ 10% และสัดส่วนกำไร 13%
"ธุรกิจเคมิคอลย่ำแย่ที่สุดในไตรมาส 3...เชื่อว่าไตรมาส 3 น่าจะสุดสุด อาจต่อไตรมาส 4 เล็กน้อย ธุรกิจเคมิคอลในต่างประเทศเชื่อว่าสถานการณ์ที่อื่นก็ลำบาก ส่วนเราคิดว่าน่าจะประคองตัวไปได้"นายกานต์ กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฉุดธุรกิจปิโตรเคมีลงต่อเนื่อง แต่ก็คาดว่าในปีหน้าต้นทุนวัตถุดิบน่าจะอ่อนตัวลง ซัพพลายใหม่เข้าตลาดน้อยมากและบางรายจะออกจากธุรกิจ คงทำให้มาร์จิ้นดีขึ้น ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/55 คาดว่าธุรกิจปิโตรเคมีจะทรงตัว คาดว่าส่วนต่างราคา(สเปรด)ปิโตรเคมีจะทรงตัวที่ 430-450 เหรียญสหรัฐ/ตัน และปี 56 จะมีซัพพลายใหม่เข้าสู่ตลาดน้อยมากเพียง 2.5 ล้านตัน จากปีนี้ 3-4 ล้านตัน
และความต้องการใช้ปูนซิเมนต์ในประเทศในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% หรือมีปริมาณ 35 ล้านตัน กลับมาเท่ากับเมื่อปี 40 หรือ 15 ปีที่แล้ว ส่วนปี 56 คาดว่าจะความต้องการปูนซิเมนต์เติบโตมากขึ้นอีก มาจากการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้า นอกจากนี้มีการก่อสร้างคลังสินค้า ดิสเคาท์สโตร์ และคอนโดมิเนียมด้วย
ในงวด 9 เดือนแรกปี 55 บริษัทมียอดขายภายในประเทศ 64% ยอดส่งออกจากฐานการผลิตในไทย 28% และยอดขายจากฐานการผลิตในอาเซียน 8% ที่มาจากธุรกิจที่เข้าซื้อกิจการคอนกรีตผสมเสร็จในอินโดนีเซีย และกิจการเซรามิกในฟิลิปปินส์
สำหรับความคืบหน้าการลงทุนในธุรกิจปูนซิเมนต์ในพม่า ขณะนี้ได้ยื่นเรื่องขอลงทุนและจัดตั้งโรงงานแล้ว รอเพียงความชัดเจนจากทางการพม่า ซึ่งกฎหมายการลงทุนในพม่าได้ผ่านรัฐสภาแล้วรอการลงนามจากประธานาธิบดีเต็งเส่ง จึงมั่นใจว่าจะสามารถลงทุนในธุรกิจปูนซิเมนต์ในพม่าได้ภายในปลายปีนี้ จากปัจจุบันบริษัทได้มีการส่งออกสินค้าไปพม่าในปริมาณที่มากขึ้นกว่าเดิม
ด้านโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนามที่มีงบลงทุน 4.5 พันล้านเหรียญ นายกานต์ กล่าวว่า โครงการนี้ยังติดปัญหาเงินกู้กับสถาบันการเงิน แต่มั่นใจว่าเรื่องเงินกู้จะผ่านไปได้ และผู้ร่วมทุนยังไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ดี โครงการนี้มีความคืบหน้าด้านเทคนิค โดยขณะนี้ซัพพลายเออร์เริ่มมีการเจรจาราคาเครื่องจักรแล้ว