ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกผลประกอบการเอกชน ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 25.19 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 25, 2012 06:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบของบริษัทเอกชนหลายแห่ง และหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและเดินหน้ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (QE3) ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 25.19 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 13,077.34 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 4.36 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 1,408.75 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับลง 8.77 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 2,981.70 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทเอกชน ซึ่งรวมถึง เอทีแอนด์ที ผู้ให้บริการโทรศัพท์รายใหญ่สุดของสหรัฐที่เปิดเผยว่า รายได้สุทธิไตรมาส 3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.64 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 63 เซนต์ต่อหุ้น จากไตรมาส 3 ปีที่แล้วที่ระดับ 3.62 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 61 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25 % ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) พร้อมกับย้ำว่าจะยังคงเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษซึ่งได้มีการบังคับใช้ในปัจจุบันต่อไป เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและลดอัตราว่างงานซึ่งยังอยู่ในระดับที่สูงมาก ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

ตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากที่แถลงการณ์ของเฟดระบุถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยคณะกรรมการเฟดกล่าวว่า "กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวปานกลางในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่การขยายตัวด้านการจ้างงานชะลอตัวลง และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวรวดเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่การลงทุนในภาคเอกชนขยายตัวลงช้าลง"

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากโบอิ้งเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2555

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ทะยานขึ้น 5.7% จากเดือนส.ค. สู่ระดับ 389,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2553 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 385,000-386,000 ยูนิต นับเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐกำลังฟื้นตัว หุ้นเน็ทฟลิกซ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวีดิโอออนไลน์รายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 12% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางธุรกิจภายในประเทศ ส่วนหุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 19% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายโฆษณาที่สูงกว่าการคาดการณ์ ขณะที่หุ้นดาว เคมิคอล ดีดตัวขึ้น 4.7% หลังจากบริษัทประกาศลดการจ้างงาน 2,400 ตำแหน่งเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

หุ้นล็อคฮีด มาร์ติน ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายยุทธปัจจัยทางทหารของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 2.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 9.3% ขณะที่หุ้นยูเอส แอร์เวยส์ พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ