(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ทรงตัวกรอบแคบ แนะเลือกลงทุนกลุ่มรับประโยชน์น้ำมันลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 25, 2012 09:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯ คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ทรงตัวในกรอบแคบ และอาจมีการฟื้นตัวของหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวลดลงมาแรงก่อนหน้านี้ แต่คงยังเป็นการฟื้นตัวระยะสั้น แนะนำ นักลงทุนเก็งกำไรในเชิงตั้งรับ และเน้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มขนส่ง เช่น บมจ.การบินไทย(THAI) และบมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA) มองกรอบการแกว่งตัววันนี้ที่ แนวรับ 1,280 จุด แนวต้าน 1,305 จุด

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ปัจจัยการลงทุนในประเทศวันนี้มองว่ายังไม่มีปัจจัยโดดเด่น แต่สิ่งที่แย่ไปกว่านั้น คือแรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศที่ค่อนข้างจะอ่อนแอ เพราะฉะนั้นควรหันมาลงทุนในบริษัทจดทะเบียนรายตัว เลือกกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีผลประกอบการไตรมาส 3/55 ออกมาค่อนข้างดี

ส่วนตลาดภูมิภาควันนี้มีโอกาสรีบาวด์หลังจากปรับตัวลดลงแรงมาหลายวัน และดัชนีของตลาดหุ้นสำคัญหลายแห่งในโลกถอยลงมาจนใกล้แนวรับ เพราะฉะนั้นน่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ ขณะที่โอกาสในการปรับลงไปแรงคงยังไม่มีจนกว่าจะหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในช่วงต้นเดือน พ.ย.

อย่างไรก็ตาม มองว่าการที่ดัชนี SET ลงมาที่ 1,290-1,280 จุด ก็เป็นจุด"เสี่ยงซื้อ"สำหรับคนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น คาดว่าวันนี้กรอบแกว่งตัวอยู่ที่ แนวรับ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,305 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(24 ต.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 13,077.34 จุด ลดลง 25.19 จุด(-0.19%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,408.75 จุด ลดลง 4.36 จุด(-0.31%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,981.70 จุด ลดลง 8.77 จุด(-0.29%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 2.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 28.89 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.62 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 7.05 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.06 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 4.70 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.53 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 1.00 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(24 ต.ค.)ที่ระดับ 1,295.00 จุด ลดลง 15.42 จุด(-1.18%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,578.40 ล้านบาทเมื่อ 24 ต.ค.55
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 85.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.94 ดอลลาร์หรือ 1.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์วานนี้(24 ต.ค.)ปิดทำการที่ 5.2 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดเช้านี้ 30.69/71 แข็งค่าขึ้น หลัง FOMC ยันมีมติใช้ QE3 ต่อไป
  • "พาณิชย์" รับสภาพส่งออกไทยปีนี้โตเต็มที่ได้แค่ 5% ต่ำสุดรอบ 3 ปี หลังจากส่งออก 9 เดือน ยังติดลบ 1.13% ระบุเดือนก.ย.ส่งออกขยายตัวได้ 0.2% เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ชี้ตลาดใหม่สั่งซื้อเพิ่ม ด้านศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์หั่นส่งออกปีหน้าเหลือโต 6.5% จากเดิม 11% ขณะที่จีดีพีปีนี้โตแค่ 4% ชี้ผลจากวิกฤติยูโร กระทบอาเซียนและไทย
  • ป.ป.ช.ชงประมูล 3 จี เข้าบอร์ดชุดใหญ่วันนี้ ถกรับพิจารณาผิด พ.ร.บ.ฮั้วหรือไม่ ด้าน กมธ.สอบทุจริต วุฒิสภา จี้ ป.ป.ช.เร่งจัดการหลังพบประมูล 3 จี ไม่แข่งขันจริง ตั้งราคาต่ำไปพฤติกรรม กทค. ไม่โปร่งใส เร่งรีบเห็นชอบเกินไป ทั้งที่คนค้านอื้อ กสทช. สุดดราม่า ยันยึดประชาชน บอกความเจ็บปวดมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง พร้อมเดินสายแจงวุ่น 4 หน่วยงาน เลขาธิการสภาฯ ตอบรับสอบฮั้ว 3 จี
  • ธปท.เชื่อ"บาท"ไม่ใช่สเปกนักลงทุน หลังเงินทะลักเข้าฮ่องกงจนต้องแทรกแซงค่าเงิน, สำนักงานการเงินฮ่องกง(เอชเคเอ็มเอ) ประกาศเข้าแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ในวงเงินสูงถึง 6,630 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือ 855 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.65 หมื่นล้านบาท)ถือเป็นการเข้าแทรกแซงตลาดครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์เดียว โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 ต.ค. เอชเคเอ็มเอเข้าแทรกแซงเงินครั้งแรกนับแต่ปี2553 วงเงิน 603 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากเงินเหรียญฮ่องกงแข็งแตะเพดานต่ำสุดที่ฮ่องกงกำหนดไว้ที่ 7.75 เหรียญฮ่องกงต่อ 1 เหรียญสหรัฐ ผลจากเงินทุนมหาศาลที่ไหลเข้าตลาดหุ้นและตลาดเงินเอเชีย หลังจากสหรัฐประกาศมาตรการผ่อนปรนทางการเงิน หรือคิวอี 3
  • "กองทุนทองคำ"10เดือนแรกโชว์ ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.42% ขณะที่ "กองทุนน้ำมัน" ติดลบ 11.73% "บลจ.ทิสโก้" แชมป์กองทอง 11.17% ส่วน บลจ.กสิกรไทย แชมป์กองน้ำมันติดลบ 8.76% ด้านนักวิเคราะห์กองทุนรับสินค้าโภคภัณฑ์ปีนี้ไม่ค่อยดี มองน้ำมันระยะสั้นยังไม่น่าสนใจ เหตุเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ส่วนทองคำภาพระยะกลาง-ยาวยังดี มีโอกาสทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 1,900 ดอลล์
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจไทยพาณิชย์ ปรับลดประมาณ จีดีพีปีนี้ เหลือ 5.3% จาก 5.6-5.8% เหตุส่งออกทรุดเกินคาดกดโตแค่ 4% ประเมินทิศทางดอกเบี้ย กนง.ลดอีกรอบในปีนี้พยุงเศรษฐกิจ จี้รัฐเร่งเบิกจ่าย ห่วงปีหน้าส่งออก-ลงทุน-บริโภคภาคเอกชนชะลอ
  • สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะคงค้างของไทย ณ สิ้นเดือน 31 ส.ค.2555 มีจำนวนทั้งสิ้น 5.01 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 44.89% โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 3.62 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1.02 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินโดยรัฐบาลค้ำประกันอีก 3.51 แสนล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 6,541 ล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

  • KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเมื่ออ่อนตัว"เป้า 25 บาท รับประโยชน์สูงสุดจากการเร่งขยายการลงทุนของโครงการภาครัฐในปีหน้า และเป็นปัจจัยผลักดันให้สินเชื่อขยายตัวต่อเนื่อง และมีความเสี่ยงน้อยกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่เหลือ ที่คาดว่าสินเชื่ออาจชะลอตัวลงในปี 2556 หากภาคส่งออกและเศรษฐกิจชะลอตัวลง
  • TSC(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 15.30 บาท คาด 3Q55 ฟื้นตัวต่อเนื่อง กำไรโต 5-10% YoY และฟื้นตัวกว่า 50-60% QoQ หลังจากผลกระทบน้ำท่วมคลี่คลายทำให้ความสามารถการทำกำไรดีขึ้น ราคาหุ้นมีการฟื้นตัวจากเหตุการณ์น้ำท่วมน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่ม AUTO (TSC +17% กลุ่ม AUTO +47%)
  • SAMART(เกียรตินาคิน)"ซื้อ"เป้า 13.40 บาท คาดกำไรสุทธิ 3Q55 จะกลับมาอยู่ระดับใกล้เคียง 3Q54 และเพิ่มขึ้น 11% QoQ เป็น 258 ล้านบาท ดีกว่ามุมมองที่ให้ไว้ จากผลงานดีขึ้นทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่ลงทุนโดยตรงมีอัตรากำไรดีขึ้น และการฟื้นตัวของ SIM แนวโน้ม 4Q55 บริษัทลูก SAMTEL ยังรอข่าวดีเซ็นสัญญางานใหม่ๆ โดยเฉพาะโครงการ APPS และ 3G TOT เฟส 2 มองว่าราคาหุ้นปรับตัวลงขณะที่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนเป็นโอกาสลงทุน
  • TUF(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 92.50 บาท คาดยอดขายและกำไรสุทธิ 3Q55 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่กำไรปกติทรงตัว เนื่องจากอัตรากำไรถูกกดดันจากเงินบาทแข็งค่า ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ และราคากุ้งที่สูงขึ้นรวดเร็ว อาจมีการปรับลดประมาณการแต่ยังคาดว่ากำไรยังเติบโตในเกณฑ์ดี และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในปีหน้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ