บล.แมคควอรี่ (ประเทศไทย) ประกาศความพร้อมในการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) รุ่นแรกของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดย DWรุ่นแรกนี้อ้างอิงกับหุ้น IVL, ADVANC, SCC และ BJC
นายนพดล ดวงทิพย์เนตร หัวหน้าฝ่ายตราสารอนุพันธ์ บล.แมคควอรี่ (ประเทศไทย) มองว่า ตลาด DW ในประเทศไทยยังมีโอกาสที่จะพัฒนาและเติบโตได้ เพราะไทยมีฐานนักลงทุนขนาดใหญ่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งเหมาะกับการลงทุนในตลาด DW จึงเชื่อว่า ตลาด DW ในประเทศไทยกำลังพัฒนาอยู่ในช่วงต้นเท่านั้นเมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคและยังคงมีศักยภาพในการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงอนาคตอันใกล้
ทั้งนี้ แมคควอรี่ มีแผนที่จะออกและเสนอขาย DW จำนวน 28 รุ่นในช่วงเวลา 2 สัปดาห์แรกหลังเปิดตัว และวางแผนที่จะออก DW เพิ่มเติมอีกหลายรุ่นในช่วงไม่กี่เดือนนี้เพื่อเป็นการสร้างความหลากหลายของ DW ทั้งในด้านราคาใข้สิทธิ และวันครบกำหนดอายุ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่แตกต่างของนักลงทุนแต่ละประเภท
"ในช่วงแรกนี้ เรามุ่งเน้นเรื่องการให้ความรู้แก่นักลงทุนในเรื่อง DW เป็นหลัก โดยแมคควอรี่ จะมีการจัดสัมนาให้ความรู้นักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และยังมีการให้ความรู้ผ่านมางเว็บไซด์ mqwarrants.co.th ซึ่งมีเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ให้ทันสมัย และข้อมูล DW ที่เป็นป้จจุบัน เพื่อให้บริการแก่นักลงทุนในประเทศไทย โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย" นายนพดล กล่าว
แมคควอรี่ เป็นหนึ่งในผู้ออก DW รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแปซิฟิค และ เป็นผู้ออก DW ต่างชาติที่มีประสบการณ์มากที่สุดที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในตลาดทุนไทยทั้งยังเป็นผู้ออก DW รายแรกที่ไม่มีการดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แก่นักลงทุนรายย่อยในประเทศ
นายจัสติน ครอว์ฟอร์ด กรรมการผู้จัดการ ตลาดตราสารอนุพันธ์ แมคควอรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกเมื่อเทียบตลาดหุ้นเกาหลี และสิงคโปร์ที่เติบโตไปมากแล้ว และมองว่าการซื้อขาย DW ของไทยปัจจุบันมีสัดส่วนแค่ 1-2% ของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยที่ 3 หมื่นล้านบาท/วัน หรือมีมูลค่าเทรด DW ราว 300-600 ล้านบาท ถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับตลาดฮ่องกงที่วอลุ่มมากที่สุดในภูมิภาคราว 25-30% ตลาดหุ้นเกาหลี 20% ตลาดหุ้นสิงคโปร์ 5% ของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งตลาด เพราะฉะนั้นยังมองเห็นโอกาสเติบโตของ DW ในไทยได้อีกมากเช่นกน
บริษัทตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์สำหรับการเสนอขาย DW อยู่อันดับต้นๆ ของไทย โดยปัจจุบันอันดับ 1-2 เป็น บล.บัวหลวง และบล.เคจีไอ ขณะที่มองผลิตภัณฑ์ทางการเงินตัวต่อไปที่จะเสนอขายเป็นหุ้นกู้อนุพันธ์