โบรกฯต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป(TISCO)จัดเป็น Growth stock เป็นธนาคารขนาดเล็กที่มีความสามารถในการทำกำไรที่สูงมาก, มี ROE สูงถึงราว 22% ขณะที่ NPLs ต่ำมาก และมีปริมาณสำรองค่อนข้างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ยังคาดว่ากำไรงวดไตรมาส 4/55 ของ TISCO จะทำได้ดีที่สุดของปี 55 จากสินเชื่อที่มีการเติบโตดี และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ดี ซึ่งผลการดำเนินงานของ TISCO ที่เติบโตดีในปีนี้ เป็นการรับผลดีจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่โดดเด่นในปีนี้ และยังอาจจะเป็นแรงส่งที่ดีต่อเนื่องไปถึงปีหน้า อีกทั้งในแง่ Corporate ทาง TISCO ยังมีการปล่อยกู้ร่วมแบบ Syndicate Loan มากขึ้นด้วย
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ในช่วง 3,610-3,770 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 3,266 ล้านบาท ส่วนปี 56 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ในช่วง 4,205-4,890 ล้านบาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.บัวหลวง ซื้อ 58.00
บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 55.00
บล.กรุงศรี ซื้อ 55.00
บล.ทรีนีตี้ ซื้อ 54.00
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 54.00
บล.เคที ซีมิโก้ ซื้อ 53.00
บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 49.70
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ได้แนะนำ"ซื้อ"หุ้น TISCO ด้วยราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 55 บาท/หุ้น เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 4/55 ของ TISCO จะมีการเติบโตสูงขึ้นทั้ง yoy และ qoq ซึ่งถือได้ว่าทำกำไรได้ดีที่สุดของปี 55 จากสินเชื่อที่มีการเติบโตดี และรายได้ค่าธรรมเนียมก็ดีด้วย ซึ่งรับผลจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตดีในปีนี้ล้วน ๆ
ทั้งนี้ ภาพระยะกลาง-ยาวก็ยังได้แรงส่งที่ดีอยู่จากสินเชื่อรถยนต์ที่มองว่าจะขยายตัวดีต่อเนื่องไปถึงปีหน้า เพียงแต่ปีหน้าสินเชื่อของ TISCO มองว่าการเติบโตอาจช้าลงเมื่อเทียบกับปีนี้ที่เติบโตดีมาก นอกจากนี้ TISCO ยังเป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(Divident Yield)ที่ดี และจัดเป็นหุ้น Growth stock ด้วย
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 3,770 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 3,266 ล้านบาท ส่วนปีหน้า(2556)คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 4,890 ล้านบาท เติบโต 22% จากปี 55
ด้าน น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ยังคงแนะนำ"ซื้อ"หุ้น TISCO อยู่ แม้ว่าจะมีการปรับลดราคาเป้าหมายปี 56 มาอยู่ที่ 49.70 บาท/หุ้น จากเดิม 53.75 บาท เนื่องจากคาดว่าการขยายตัวสินเชื่อของแบงก์ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในปี 56 ที่ 15% จากปีนี้ที่สินเชื่อขยายตัวดีมาก ซึ่ง 9 เดือนแรกของปีขยายตัวไปแล้ว 19% ดังนั้นถึงสิ้นปีนี้ก็คาดว่าจะทะลุ 20% ขึ้นไปได้ โดยรับผลดีจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่โดดเด่น
อย่างไรก็ดี เมื่อสินเชื่อของ TISCO มีการเติบโตมากทำให้ไปกินเงินกองทุนมากเกินไป ซึ่ง 9 เดือนแรกของปีนี้เงินกองทุนขั้นที่หนึ่ง(Tier 1)อยู่ที่ 9% มองว่าแบงก์มีความเสี่ยงอาจต้องเพิ่มทุน แต่ก็เห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องเร่งก็ได้ อาจใช้วิธีการลดอัตราการจ่ายเงินปันผลแทน จึงมองความเป็นไปได้ในการลดจ่ายปันผลมากกว่า โดยอัตราการจ่ายเงินปันผลน่าจะลดลงเหลือ 40% จากเดิม 50% เพื่อที่แบงก์จะได้สำรองเงินไว้สำหรับการปล่อยสินเชื่อ และปีหน้าก็จะมีการใช้มาตรฐาน Basel III
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 55 ไว้ที่ 3.63 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไร 3.27 พันล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 4.26 พันล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานของ TISCO ที่เติบโตนี้เป็นผลจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่โดดเด่นในปีนี้ และในแง่ Corporate ทาง TISCO ยังมีการปล่อยกู้ร่วมแบบ Syndicate Loan มากขึ้นด้วย
ด้านบล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น TISCO ให้ราคาเป้าหมายสำหรับปี 56 ที่ 54 บาท โดย TISCO เป็นธนาคารขนาดเล็กที่มีความสามารถในการทำกำไรที่สูงมาก มี ROE สูงถึงประมาณ 22% ขณะที่ NPLs ต่ำมาก และมีปริมาณสำรองค่อนข้างแข็งแกร่ง พร้อมคาดกำไรสุทธิสำหรับปี 55 จะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 3,610 ล้านบาท และปี 2556 อยู่ที่ 4,205 ล้านบาท โตขึ้น 11% และ 16% ตามลำดับ
ทั้งนี้ กำไร 3Q55 อยู่ที่ 953 ล้านบาท โต 4%QoQ และ 6%YoY โดยสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตสูงตามยอดขายรถยนต์ ขณะที่สินเชื่ออื่นยังคงขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่ค่าธรรมเนียมเติบโตได้ดีตามการขยายตัวของสินเชื่อ