หุ้น TMC ปิดเทรดวันแรกที่ 8.10 บาท เพิ่มขึ้น 4.20 บาท(+107.69%)จากราคาขาย IPO ที่ 3.90 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,861.27 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 11.00 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 11.10 บาท และราคาลงต่ำสุด 8.10 บาท
บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ที.เอ็ม.ซี อุตสาหกรรม(TMC)ประเมินราคาพื้นฐานที่ 4.60 บาท ผลดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 55 คาดจะปรับตัวดีต่อจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ช่วยหนุนแนวโน้มความต้องการสินค้าของ TMC
ผู้บริหารเผย ณ สิ้น 30 มิ.ย.55 มีงานในมือรอส่งมอบ(Backlog)และคาดว่าจะรับรู้ได้ในปี 55 นี้ถึง 422 ล้านบาท (แบ่งเป็นเครื่องเพรส: เครน: เครื่องทุนแรง: อื่นๆ ในสัดส่วนร้อยละ 74: 12: 2: 13 ตามลำดับ) ซึ่งหากยังคงสามารถรักษาการทำกำไรได้อย่างในครึ่งปีแรกคาดจะทำให้ผลดำเนินงานในช่วง 2H55 มีกำไรสุทธิที่ราว 61.35 ล้านบาท ส่งให้ทั้งปี 55 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 179%y-y มาที่ 120.43 ล้านบาทหรือคิดเป็น 0.42 บาทต่อหุ้น(Fully Diluted)
สำหรับปี 56 เปิดโรงงานใหม่ขยายกำลังผลิตถึง 60% รับงานในอนาคตหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วทุนที่ได้เพิ่มนั้นนอกจากจะใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนและชำระเงินกู้ยืมแล้วนั้น TMC ยังจะนำไปสร้างโรงงานใหม่ที่จะตั้งอยู่ใน จ.ชลบุรี แบ่งเป็นอาคารโรงงาน 2 อาคารรวมพื้นที่ใช้สอยประมาณ 9,600 ตารางเมตรซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตของ TMC เพิ่มขึ้น 60% เทียบกับกำลังการผลิตในปัจจุบัน (เฟสที่ 1 คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ในไตรมาส 1Q56 จะเพิ่มกำลังการผลิตได้ราว 25% ส่วนเฟสที่ 2 คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ในไตรมาส 3Q56 จะเพิ่มกำลังการผลิตได้ราว 35%) โดยผู้บริหารเผยการขยายกำลังผลิตครั้งนี้จะสามารถรองรับการเติบโตของปริมาณงานในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าหรือคิดเป็นอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ย 20% ต่อปี
หากเป็นไปได้ตามเป้าที่ผู้บริหารประมาณไว้ ยอดขายของปี 56 เพิ่มขึ้น 20%y-y มาที่ 1,045.87 ล้านบาท และหากยังคงสามารถรักษาการทำกำไรในระดับสูงระดับ 29% ได้อย่างในปี 55 กอปรกับการปรับลดของอัตราภาษีนิติบุคคคลลง คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 23%y-y มาที่ 148.20 ล้านบาทหรือคิดเป็น 0.51 บาทต่อหุ้น